PSH พบแนวทางปั้นกำไรยั่งยืน

พฤกษาฯ ปรับ 5 กลยุทธ์ธุรกิจ หนุนกำไรเติบโตต่อเนื่อง เพิ่มพอร์ตคอนโดมิเนียม มาร์จิ้นดี สร้างแบ็กล็อคมั่นคง ใช้ฐานข้อมูลเชิงลึก รีบขายเร่งโอน ครึ่งปีกำไรเกินเป้า 5% ทั้งปียืนประมาณการยอดขาย 5.37 หมื่นล้านบาท ลดรายได้เหลือ 4.7 หมื่นล้านบาท เลื่อนเปิด 9 โครงการ

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น หลังจากบริษัทนำ 5 กลยุทธ์มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น การปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยการเพิ่มโครงการคอนโดมิเนียม เพื่อให้มีสัดส่วนเท่ากับบ้านเดี่ยว 40% และทาวน์เฮ้าส์ 20% รวมถึงการเร่งการขาย คือสร้างเสร็จแล้วขาย จากที่ผ่านมารีบเปิดการขายแล้วเหลือมาก ซึ่งจะช่วยลดสต๊อกสินค้า รวมถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่นการเร่งปิดโครงการที่ขายเกือบหมดแล้ว 30 โครงการ

ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้เพิ่มช่องทางการขายอีก 3 ช่องทาง ได้แก่1. การขายผ่านตัวแทนขาย จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียมที่เป็นชาวต่างชาติได้มากยิ่งขึ้น 2.ขายผ่านองค์กรที่เป็นพันธมิตร พร้อมกับมอบส่วนลดพิเศษ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีองค์กรพันธมิตรถึง 1,314 แห่ง (รวมบริษัทในเครือ)และ3.สมาชิกพฤกษาแนะนำผู้ซื้อ โดยในครึ่งปีแรกมียอดขายจากสองช่องทางแรก สัดส่วน 28% ของยอดขายทั้งหมด

ที่ผ่านมา การดำเนินงานไม่ค่อยเติบโต เพราะฝีนตลาดรุกแนวราบมากเกินไป ต่อไปจะปรับพอร์ตเพิ่มแนวสูง คอนโดมิเนียมมีอัตรากำไรขั้นต้นหรือมาร์จิ้นสูงประมาณ 35-37% และมียอดขายรอโอนหรือแบ็กล็อคแน่นอน รองรับรายได้และกำไรในอนาคต ส่วนโครงการทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวก็ต้องปรับเป็นพร้อมอยู่พร้อมโอน และขายในเมืองมากขึ้น คาดว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้มากกว่าตลาดโดยรวม

“เพื่อทำให้กำไรดีขึ้น เราจะดูแลเรื่องการลดต้นทุนทั้งองค์กร นำฐานข้อมูลเชิงลึกมาวิเคราะห์ นำเสนอสินค้าและเจาะลูกค้าได้ตรงเป้าหมาย การมีแบ็กล็อคสามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความมั่นคงของพอร์ต”นางสุพัตรากล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าที่ Active มากกว่า 1.7 ล้านคน สามารถสร้างโอกาสในการขายได้ โดยในแต่ละเดือนมีลูกค้าเพิ่มขึ้น 1-2 หมื่นราย และบริษัทยังช่วยลูกค้าในการขอสินเชื่อ ทำให้ยอดคำขอกู้ไม่ผ่านมีเพียง 4.6% น้อยกว่าอุตสาหกรรม

ทางด้านผลการดำเนินงาน นางสุพัตรา กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,426 ล้านบาท ดีกว่าแผนประมาณ 5% สามารถลดสต๊อคลง ขณะที่มีรายได้น้อยกว่าคาด จึงมีการปรับลดเป้าหมายลงเหลือ 4.7 หมื่นล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 5.05 หมื่นล้านบาท หลังจากครึ่งปีทำได้เพียง 1.92 หมื่นล้านบาท ลดลง 6.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังคงเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 5.37 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีมียอดขายรวม 2.43 หมื่นล้านบาท โดยเปิดโครงการไหม่ไปแล้ว 26 โครงการ มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท

ปีนี้บริษัทลดการเปิดโครงการใหม่เหลือ 68 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6.14 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่วางแผนเปิดทั้งหมด 77 โครงการ มูลค่ารวม 6.78 หมื่นล้านบาท โดยเลื่อนการเปิดโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ออกไป 9 โครงการ ครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 42 โครงการ มูลค่ารวม 4.15 หมื่นล้านบาท

ส่วนแบ็กล็อคมีจำนวน 3.21 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในครึ่งปีหลัง 1.32 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปถึงปี 2564

บล.ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27 บาท จากพี/อี ต่ำ การฟื้นตัวของตลาดบ้านเดี่ยว รวมถึงความคืบหน้าของธุรกิจโรงพยาบาล และผลประกอบการดีกว่าที่เราและตลาดคาด 10% มาจากอัตรากำไรขั้นต้น 36% เทียบกับ 35% และยอดโอนที่ออกมาตามคาด ส่วนยอดจอง อยู่ที่ 2.42 หมื่นล้านบาท ลดลง 7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน คิดเป็น 45% ของเป้าผู้บริหาร

“ผลประกอบการครึ่งปีแรกคิดเป็น 38% จากประมาณการทั้งปี การเปิดตัวโครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในไตรมาสที่ 3 ในขณะที่โรงพยาบาลยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและเจรจาหาโรงพยาบาลที่จะมาทำร่วมลงทุน”บล.ทิสโก้ระบุ