บลจ.ยูโอบีคาดกนง.คงดอกเบี้ย 0.50% เร่งฉีดวัคซีนประคองตลาดหุ้น

HoonSmart.com>> บลจ.ยูโอบี ประเมินกนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% มองบวกการลงทุนในประเทศมากขึ้น หากเร่งฉีดวัคซีนหรือเปิดเมืองเร็วตามเป้า หนุน SET Index ประคองตัวกรอบ 1,540-1,640 จุดได้ในไตรมาส 2 นี้ ก่อนขยับสู่ 1,600-1,680 จุด ไตรมาส 4/64 ส่วนตลาดบอนด์คาดนักลงทุนจ่อขายออก

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี เปิดเผยว่า การประชุม กนง.ในรอบนี้ประเมินว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนนโยบายที่ 0.50% และมุมมองเศรษฐกิจไทยจากการประชุมครั้งนี้ของ กนง.จะเป็นบวกกับการลงทุนในประเทศมากขึ้น ส่วนการลงทุนต่างประเทศยังน่าสนใจสำหรับระยะยาว

อย่างไรก็ตามแม้เศรษฐกิจไทยจะยังไม่พ้นจากปัญหาการแพร่ระบาดของ โควิด-19 แต่เชื่อว่าครั้งนี้น่าจะเป็นการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจลงครั้งสุดท้ายของธปท. ในอนาคตจึงอาจมีเซอร์ไพรส์ในเชิงบวก ถ้าสามารถฉีดวัคซีนหรือเปิดเมืองได้เร็วตามเป้าหมาย

“คาด SET Index จะประคองตัวในกรอบ 1,540-1,640 จุด ได้ในไตรมาสนี้ และเชื่อว่าถ้าเริ่มเห็นการเดินทางระหว่างประเทศในช่วงสิ้นปีจะขยับขึ้นไปซื้อขายในกรอบ 1,600-1,680 ได้ในไตรมาสที่สี่”นักกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ยูโอบี กล่าว

สำหรับภาพรวมค่าเงินบาท การที่ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณเข้มงวด ขณะที่กนง.ยังต้องใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายพยุงเศรษฐกิจจะกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าต่อ ในระยะสั้นไม่ได้เป็นบวกกับเศรษฐกิจ เนื่องจากช่วงนี้การส่งออกสินค้าติดขัดในเชิงโครงสร้าง ส่วนการท่องเที่ยวที่ยังไม่พร้อม ในระยะกลางเมื่อเงินบาทอ่อนก็จะเห็นนักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ในประเทศต่อไป คาดว่าทั้งปีจะเห็นเงินทุนไหลออกจากหุ้นไทยรวมราว 5,000 ล้านดอลลาร์ (จากปัจจุบันที่มีเงินทุนไหลเข้าแล้วราว 2,895 ล้านดอลลาร์)

ส่วนตลาดบอนด์แม้ช่วงนี้จะมีเงินทุนไหลเข้าเนื่องจากยีลด์สหรัฐไม่สูงอย่างที่คาด แต่เชื่อว่าจะเห็นนักลงทุนต่างชาติกลับมาขายบอนด์อีกครั้ง มองทั้งปีคาดว่าจะมีเงินทุนไหลเข้าในบอนด์ลดลงเหลือเพียง 500-1,000 ล้านดอลลาร์ (จากปัจจุบันที่มีเงินทุนไหลเข้าแล้วราว 2,415 ล้านดอลลาร์)

ส่วนในมุมการลงทุน นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและเงินบาทที่อ่อนสนับสนุนการลงทุนต่างประเทศ ในเอเชียมองว่าเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และไต้หวัน เป็นสามประเทศที่มีนโยบายเศรษฐกิจดีที่สุดจึงเป็นเป้าหมายของนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนในเอเชีย เป้าหมายรองลงมา คือ จีน อินเดียและมาเลเซีย ขณะที่หุ้นฮ่องกงและฟิลิปปินส์น่าสนใจน้อยที่สุด