“ฟลอยด์” ประกาศกำไรครึ่งปีแรก 30.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141% “ทศพร” เชื่อแนวโน้มผลงานครึ่งปีหลังเติบโตดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก รายได้โต 10-15% ตาม ปัจจุบันมีงานในมือประมาณ 450 ล้านบาท
นายทศพร จิตตวีระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) หรือ FLOYD ผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้า งานวิศวกรรมระบบสาธารณูปโภค และเครื่องกลแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลประกอบการในงวดครึ่งปีแรกของปี 2561 มีรายได้จากการให้บริการ 185.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.86 ล้านบาท คิดเป็น 50.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 123.48 ล้านบาท โดยรายได้จากการให้บริการของบริษัทฯมาจากการรับรู้รายได้งานอาคารสูง งานแนวราบซึ่งเป็นงานห้างสรรพสินค้า และงานปรับปรุงงานเพิ่มอื่นๆ ทำให้บริษัททยอยรับรู้รายได้จากการให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 30.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา 17.66 ล้านบาท คิดเป็น 141.50%
“ผลงานในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ออกเป็นที่น่าประทับใจ ทั้งรายได้และกำไร โดยกำไรสุทธิโตมากถึง 141.50% เช่นเดียวกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นกว่า 50.09% จากภาพรวมศรษฐกิจ และการลงทุนในประเทศกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ FLOYD ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาติดตั้งงานวางระบบครบวงจร ที่ได้รับการยอมรับทั้งในเรื่องคุณภาพงานและการบริการที่รวดเร็ว ด้วยทีมงานวิศวกรที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในธุรกิจ ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 57.81 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 29.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 99.28%” นายทศพร กล่าว
ทั้งนี้ กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่จะเพิ่มลูกค้าใหม่ๆเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังและในอนาคต บริษัทฯเน้นมองหาลูกค้าที่มีความมั่นคงทางการเงินและเป็นที่รู้จัก และเป็นลักษณะงานที่มีโอกาสทำซ้ำ ซึ่ง FLOYD มีความชำนาญ รวมทั้งการรุกตลาดด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการเอกชนมีความมั่นใจในการลงทุน ซึ่งจะทำให้ช่วงที่เหลือของปีนี้มีงานประมูลโครงการใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น ทั้งงานโครงการโครงสร้างพื้นฐาน อาคารที่พักอาศัย และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น โดย FLOYD มีความพร้อมที่จะเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสะสมงานในมือ (Backlog) เข้ามาเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 450 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้
สำหรับการเข้าประมูลงานใหม่ๆ ในปีนี้ ในกลุ่มลูกค้าเก่ายังคงมีอย่างต่อเนื่อง ส่วนในกลุ่มลูกค้าใหม่ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการประมูล ปัจจุบันมี 2-3 โครงการ ซึ่งเป็นงานเกี่ยวกับอาคารที่พักอาศัยและห้างสรรพสินค้าใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 100-200 ล้านบาท ผลการประมูลคาดว่าจะทยอยทราบผลในช่วงที่เหลือของปีนี้ทั้งหมด
“ภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 2561 มองว่าทิศทางอุตสาหกรรมในภาคเอกชนยังทรงตัวและยังไม่น่าเป็นห่วง แม้จะยังเติบโตไม่หวือหวามาก แต่คาดว่าจะฟื้นหลังจากมีการเลือกตั้งเสร็จสมบูรณ์ โดยแนวโน้มรายได้ของบริษัทฯ ปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เติบโตราว 10-15% เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีนโยบายหลักที่จะใช้การบริหารงานให้มีประสิทธิภาพ โดยการจัดทำข้อมูลในระบบคลาวด์มาช่วยในด้านต่างๆ การติดตามปัญหาหน้างาน เพื่อลดการสูญเสียทั้งเวลาและต้นทุน และเป็นการเก็บข้อมูลค่าใช้จ่าย เพื่อนำไปพัฒนาโครงการใหม่” นายทศพร กล่าว
ทางด้านความคืบหน้าแผนการก่อสร้างสำนักงานและศูนย์อบรมพนักงาน มูลค่าการลงทุนราว 80 ล้านบาท ตามแผนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างกับหน่วยงานราชการ โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2562 ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 1 ปี ทั้งนี้ หากอาคารดังกล่าวแล้วเสร็จและสามารถฝึกพนักงานจนถึงระดับชำนาญและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ทำให้บริษัทฯสามารถรับงานได้มากขึ้น