“ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป” โชว์ผลงานครึ่งปีแรก ทำรายได้รวม 3,358 ล้านบาท เติบโต 7.3% จากปัจจัยปริมาณคนไข้ รพ.ธนบุรี และ รพ.ธนบุรี 2 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มองแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก รับอานิสงส์เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล พร้อมเตรียมรับรู้รายได้จาก 2 โครงการใหม่ที่จะทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปีนี้
นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ผู้นำธุรกิจดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรและบริการที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้แนวคิด ‘ปกป้องดูแลความสุขและสุขภาพคนไทยทุกช่วงชีวิต’ (Lifetime Health Guardian For All) เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2561) มีรายได้รวม 3,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากช่วงเดียวกันของปี และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยจากปริมาณผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มาใช้บริการ รพ.ธนบุรี และ รพ.ธนบุรี 2 จากการเพิ่มศูนย์ตรวจรักษาและเพิ่มแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงยังได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มสังคมไทยที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุที่มีสัดส่วนประชากรเพิ่มขึ้น และพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลใส่ใจสุขภาพ
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 (เมษายน-มิถุนายน 2561) มีรายได้รวม 1,675 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 72 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนา โครงการศูนย์การแพทย์ ธนบุรี บำรุงเมือง เมดิคอล เซ็นเตอร์ (Thonburi Bamrungmuang Medical Center) และโครงการ Jin Wellbeing County ที่คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปลายปีนี้ อีกทั้ง โรงพยาบาลในต่างประเทศซึ่งอยู่ในช่วงต้นของการดำเนินงาน ยังส่งผลขาดทุนอยู่
“เราสามารถทำรายได้ครึ่งปีแรกได้ดี โดยธุรกิจหลักคือโรงพยาบาลยังคงมีอัตราเติบโตที่น่าพอใจ เนื่องจากประชาชนมีความมั่นใจในทีมแพทย์และความเชี่ยวชาญในการรักษาของ รพ.ธนบุรีและ โรงพยาบาลในเครือข่าย ส่วนธุรกิจรับจ้างบริหารโรงพยาบาลและศูนย์หัวใจก็สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีให้แก่ THG ขณะที่การลงทุนในโครงการศูนย์การแพทย์ ธนบุรี บำรุงเมือง เมดิคอล เซ็นเตอร์ และ Jin Wellbeing County แม้ว่าส่งผลให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงแรก แต่เป็นการลงทุนขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต และเราได้ควบคุมค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้เป็นไปตามงบประมาณที่คาดไว้ ส่วนธุรกิจโรงพยาบาล Welly Hospital ในจีนมีผลการดำเนินงานดีขึ้นเป็นลำดับด้วยจำนวนคนไข้ที่เพิ่มขึ้น น่าจะพลิกมาเป็นกำไรได้ตามแผนงานที่คาดไว้ อีกทั้งโรงพยาบาล Ar Yu International Hospital ในเมียนมา ก็เตรียมพร้อมเปิดให้บริการส่วนแรก ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้” นพ.ธนาธิป กล่าว
นพ.ธนาธิป กล่าวว่า การดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล โดยเฉพาะไตรมาส 3 ซึ่งตรงกับฤดูฝนซึ่งส่วนใหญ่มีสถิติจำนวนผู้ป่วยเข้าใช้บริการสูงที่สุดในรอบปี ประกอบกับโรงพยาบาลได้เสริมทีมแพทย์และขยายศูนย์การรักษาเพิ่มเติมไว้แล้ว จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและดูแลรักษาแก่ผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ เตรียมรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโครงการใหม่ ได้แก่ 1.โครงการศูนย์การแพทย์ ธนบุรี บำรุงเมือง เมดิคอล เซ็นเตอร์ (Thonburi Bamrungmuang Medical Center) ซึ่งเป็นศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง ตั้งอยู่ในย่านถนนบำรุงเมือง มีแผนเริ่มเปิดให้บริการเฟสแรกก่อน 3 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์ตรวจเช็คสุขภาพ ศูนย์ทันตกรรมและศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก (IVF) เพื่อให้บริการแก่ชาวต่างชาติ ประชาชนในละแวกใกล้เคียง และในอนาคตยังสามารถรองรับผู้ป่วยที่ส่งต่อจากโรงพยาบาลธนบุรีและโรงพยาบาลอื่นมารับการรักษาได้อีกด้วย
และ 2.โครงการ Jin Wellbeing County ย่านรังสิต ที่พัฒนาภายใต้คอนเซปต์เมืองแนวคิดใหม่เพื่อวัยเกษียณ ที่มีการก่อสร้างโครงการคืบหน้าตามแผนงาน ประกอบด้วย อาคารชุดพักอาศัยแบบโลว์ไรส์ 7 ชั้น รวม 2 คลัสเตอร์แรก จำนวน 494 ยูนิต ราคายูนิตละประมาณ 4-6 ล้านบาท คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์เพื่อรับรู้รายได้ปลายปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนงานขยายธุรกิจการรับบริหารโรงพยาบาลในต่างประเทศ โดยให้ความสนใจเข้าบริหารธุรกิจโรงพยาบาลในภูมิภาคเอเชีย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจหลายราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้เช่นกัน