“TM” ติดโผหุ้นน่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging ในปี64

HoonSmart.com>>“TM” ปลื้ม ติดโผ1 ใน 24 “บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน” หรือ ESG Emerging List ปี 2564 ตอกย้ำความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการ ภายในองค์กรที่ดี เดินหน้าขยายธุรกิจศูนย์กลางทางการแพทย์ให้บริการผู้สูงอายุครบวงจร คาดทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 67

นางสุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเมดิคัล หรือ TM ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกติดในทำเนียบ “บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน” หรือ ESG Emerging List ที่มีการพิจารณาคัดเลือกหลักทรัพย์ที่น่าลงทุน โดย สถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100

ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และยึดหลักธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการภายในองค์กรที่ดี โดยบริษัทฯพร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคู่ค้า ลูกค้า ด้วยมาตรฐาน ระดับสากล จนสะท้อนถึงผลประกอบการทางการเงินที่ดี ภายใต้สถานการณ์โควิด พร้อมยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้

“จากประเด็นดังกล่าว ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นหุ้นคงทน (Durable Stocks)ที่จะก้าวสู่การสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนที่กำลังมองหาบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ตามเกณฑ์ ESG Rating”

พร้อมกันนี้ บริษัทฯได้มีการปรับกลยุทธ์โครงสร้างธุรกิจ เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำการจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ที่ยกระดับมุ่งสู่การพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ให้บริการผู้สูงอายุแบบบูรณาการครบวงจร โดยเพิ่มไลน์ธุรกิจสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง ซึ่งเป็นการดำเนินการผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท ทีเอ็ม เนิร์สซิ่ง แคร์ จำกัด (TMNC) โดย TM ถือหุ้นสัดส่วน 80% และอีก 20% เป็นกลุ่มแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ

โดยศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทางดังกล่าวคาดจะแล้วเสร็จ พร้อมเปิดดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ ประมาณช่วงปลายปี 2566 ส่งผลให้บริษัทฯทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้เข้ามาเฉลี่ย 100 -150 ล้านต่อปี โดยรายได้ดังกล่าวเข้ามาชัดเจนตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตด้านผลประกอบการของบริษัทฯเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้การสร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต