PTTGC กำไรพุ่ง 63% ตามคาด หลังแบ่งรับรู้ความเสียหายจากวัตถุดิบหายของ GGC จำนวน 1,388 ล้านบาท ธุรกิจโรงกลั่นดีขึ้น มีกำไรสต็อก 3.26 ดอลลาร์/บาร์เรล เดินหน้าซื้อธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ทุ่ม 4 พันล้านบาท
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/2561 มีกำไรสุทธิ 10,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,224 ล้านบาท เติบโตประมาณ 63.97% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,603 ล้านบาท แต่ลดลงจากไตรมาส 1 เล็กน้อย เนื่องจากรับรู้ค่าใช้จ่ายจากความเสียหายจากวัตถุดิบคงคลังของบริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) จำนวน 1,388 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น
ส่วนผลงานรวมครึ่งปีมีกำไรทั้งสิ้น 23,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,431 ล้านบาท หรือ 17.34% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิจำนวน 19,784 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
“บริษัทมีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไตรมาส 2 มีรายได้จากการขาย 128,923 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ยและค่าเสื่อม
15,902 ล้านบาท “บริษัทระบุ
กำไรที่ดีขึ้นมาจากมาจากราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์เฉลี่ยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ส่วนราคาผลิตภัณฑ์สายธุรกิจ Performance Materials & Chemical ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์กำไรลดลง
และธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากการใช้กำลังการผลิต 101% และรับรู้กำไรจากสต๊อกน้ำมัน 3.26 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 13% และยังรับรู้กำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงสุทธิ 0.08 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้บริษัทบันทึกกำไรขั้นต้นทางบัญชี (Accounting GRM) ในส่วนโรงกลั่นอยู่ที่ 9.54 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2560 อยู่ที่ 4.55 ดอลลาร์สหรัฐ และ 6.04 ดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 1/2561
ทางด้าน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแลกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTGC เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามสัญญาจะซื้อจะขายหุ้นบริษัท Siam Mitsui PTA Company Limited (SMPC)
ซึ่งประกอบธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์กรดบริสุทธิ์เทเรพาธิค (PTA) สัดส่วน 74% และ Thai PET Resin Company Limited (TPRC) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต
(PET) สัดส่วน 74% ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ และบริษัท Mitsui Chemicals, Inc. (MCI) คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4,148 ล้านบาท คาดว่าจะซื้อขายแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2561
สำหรับการลงทุนครั้งนี้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่จะขยายการลงทุนต่อยอดและเพิ่มศักยภาพในการทำตลาดเม็ดพลาสติก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างหลากหลายและครบวงจร “นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯเป็นผู้ผลิตพาราไซลีน (PX)รายสำคัญของประเทศ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของ PTA และบริษัทฯ มีบริษัทในเครือเป็นผู้ผลิตโมโนเอทิลีนไกลคอล(MEG) รายใหญ่ในประเทศ ซึ่งเป็นวัตถุดิบของ PET การซื้อขายหุ้นครั้งนี้ จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทฯเพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการวัตถุดิบต้นทาง ทั้ง PX และ MEG ช่วยบริหารผลกำไรตลอดสายธุรกิจได้อย่างเหมาะสม