EFORL ขายทิ้งหุ้นวุฒิศักดิ์คลินิก มุ่งธุรกิจขายเครื่องมือ-อุปกรณ์การแพทย์

HoonSmart.com>> “อี ฟอร์ แอล เอม” ขายทิ้งหุ้น “ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง” สัดส่วน 56% หนึ่งในผู้ถือหุ้น “วุฒิศักดิ์คลินิก” มุ่งธุรกิจหลักจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์

บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการขายหุ้นทั้งหมดของ บริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง (WCIH) ซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทย่อย โดยบริษัทถือหุ้นอยู่จำนวน 101,849,993 หุ้น คิดเป็น 56% จากจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท WCIH ในราคาหุ้นละ 0.01 บาท รวมเป็นเงิน 1,018,499.93 บาท ให้แก่นางทัศนี คนการ โดยบริษัทจะทำรายการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย.2564

คณะกรรมการบริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่าการขายหุ้น WCIH จะส่งผลกระทบเชิงบวกโดยตรงต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทดีขึ้น ทำให้บริษัทสามารถมุ่งเน้นในธุรกิจหลักด้านการจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่บริษัทมีความชำนาญและเป็นผู้นำตลาดสอดคล้องกับความต้องการที่สูงขึ้นในปัจจุบัน และคาดว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) เปิดเผยว่า การขายหุ้น WCIH ทั้งหมด จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทดีขึ้น ลดผลกระทบจากการขาดทุนจากการดำเนินงานของ WCIH และบริษัทย่อยของ WCIH ในงบการเงินรวมของบริษัท เนื่องจากการดำเนินของกลุ่มบริษัทวุฒิศักดิ์ไม่เป็นไปตามประมาณการ ส่งผลให้ WCIH มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

ประกอบกับแนวโน้มการดำเนินงานของ WCIH และบริษัทย่อยของ WCIH มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิต่อเนื่องและหลายบริษัทหยุดประกอบธุรกิจ บริษัทสามารถจะมุ่งเน้นการทำธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทดีขึ้น และเพื่อให้บริษัทสามารถนำทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะเงินทุนหมุนเวียนใช้ในการดำเนินธุรกิจหลักอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EFORL กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งเป็นรายได้หลัก และตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 บริษัทได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับผู้ป่วยโควิด – 19 เช่น เครื่องเอกซเรย์ปอดแบบ Portable เครื่อง Oxygen Hi Flow เครื่องตรวจสมรรถภาพปอดแบบ Portable เครื่องวัดสัญญานชีพผู้ป่วยในห้องควบคุมความดันลบ เป็นต้น เพื่อป้อนให้กับโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในอนาคต

ขณะที่ต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมามีเม็ดเงินจากการเพิ่มทุนกว่า 176 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากขึ้นด้วย และมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะเติบโต 15% ตามแผนงานที่วางไว้ จากปีที่ผ่านมา และในวันที่ 11 มิ.ย.2564 จะปรับย้ายกลุ่มอุตสาหกรรมจากกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ (Services) ไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค (Consumer Products) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)