ส่องกลยุทธ์หุ้นเดือนมิ.ย. เงินต่างชาติเข้าตามวัคซีน

HoonSmart.com>> หุ้นเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 10.46 จุด ต่างชาติขายสุทธิ 3.3 หมื่นล้านบาท ส่วนเดือนมิ.ย. นักวิเคราะห์มองบวก ทะลุ 1,600 จุด สบาย  เร่งกระจายวัคซีนหนุนเงินไหลเข้า บล.เอเซียพลัสให้แนวต้าน 1,644 จุด แนวรับ 1,552 จุด ชอบ MTC-MAJOR-STEC-SAT-BDMS-MINT-AOT ด้านบล.ฟินันเซียฯให้กรอบ 1,550-1,640 แนะ CK-CPALL-SAPPE-TACC ส่วนบล.กสิกรไทย มองกลางต่อการกระจายวัคซีน เตือนครึ่งเดือนหลังระวังแรงกดดันจากเฟด อาจจะดูดสภาพคล่องออกจากระบบ มองกรอบ 1,535-1,620 จุด ชู CK เด่นสุด  

ตลาดหุ้นไทยในเดือนพ.ค. 2564 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 33,185.62 ล้านบาท โดยดัชนีปิดที่ 1,593.59 จุด เพิ่มขึ้น 10.46 จุด คิดเป็นเพียง 0.67% เทียบกับสิ้นเดือนเม.ย. 2564 ปิดที่ระดับ 1,583.13 จุด

อย่างไรก็ตามวันที่ 31 พ.ค. ต่างชาติพลิกกลับมาซื้อวันแรกในรอบหลายวัน จำนวน 1,313.99 ล้านบาท ทำให้ดัชนีเพิ่มขึ้น 11.61 จุด หรือ 0.73% ด้วยมูลค่าการซื้อขายปานกลาง 79,813 ล้านบาท

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กล่าวว่า การลงทุนในเดือน มิ.ย.2564 คาดว่าจะดีขึ้น ประเมินว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,600 จุด จากปัจจัยการกระจายวัคซีนที่มีเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัว คาดว่าจะสามารถฉีดได้เพิ่มขึ้น 12% ของจำนวนประชากรภายในประเทศ จากตั้งแต่เดือน ก.พ.-พ.ค.ที่ผ่านมา ฉีดได้เพียง 5% และนำเข้าวัคซีนมาอีก 20 ล้านโดส อีกทั้งการนำเข้าวัคซีนทางเลือกจะเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม

ขณะที่ทิศทางของเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น จากสถิติแล้ว ประเทศไหนที่มีการฉีดวัคซีนมากขึ้น ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวได้ดีขึ้น  ถ้าประเทศไทยกระจายวัคซีนได้ดี หุ้นก็มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน รวมถึงก่อนหน้านี้หุ้นลดลงหลังมีการแพร่ระบาดรอบ 3 และการปรับลดน้ำหนักของ MSCI ทำให้มีโอกาสจะปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น

“เราเชื่อว่าแนวต้านแรก 1,600 จุด สามารถผ่านได้สบายมาก  แนวต้านต่อไปอยู่ที่ 1,644 จุด โดยมีการกระจายวัคซีนเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เราจะเริ่มเห็นการคลายล็อกดาวน์ในพื้นที่ กทม. ส่วนปัจจัยอื่นๆ ก็จะมีนโยบายการคลังและการเงินเป็นอีกปัจจัยหนุน แต่ถ้าเกิดความล่าช้าของการกระจายวัคซีนและการนำเข้า อาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดหุ้นได้ โดยเราประเมินแนวรับไว้ที่ 1,552 จุด” นายภราดร กล่าว

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในเดือน มิ.ย.2564 แนะนำหุ้นเปิดเมือง ที่ราคายังปรับขึ้นช้ากว่าตลาด (Laggard) และมีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจนในช่วงที่เหลือของปีนี้ แนะนำหุ้นเด่น MTC ที่ราคา 80 บาท, MAJOR ที่ราคา 24 บาท, STEC ที่ราคา 18 บาท, SAT ที่ราคา 24 บาท, BDMS ที่ราคา 24 บาท, MINT ที่ราคา 34 บาท และ AOT ที่ราคา 67 บาท ส่วนกลุ่มขนส่ง และส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น หลังประเทศจีนสั่งปิดท่าเรือ

ด้านนายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นในเดือน มิ.ย.น่าจะเคลื่อนไหวลักษณะ แกว่งตัวปรับขึ้น (Sideways to Sideways Up) โดยมีกรอบที่ 1,550-1,640 จุด คาดว่าจะสามารถผ่าน 1,600 จุด ได้ด้วยปัจจัยการกระจายวัคซีนในประเทศเป็นหลัก แนะนำหุ้นเด่น ได้แก่ CK ที่ราคา 22 บาท, CPALL ที่ราคา 80 บาท, SAPPE ที่ราคา 36 บาท และ TACC ที่ราคา 8.5 บาท

ส่วนนายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนสำหรับเดือน มิ.ย. แนะนำหุ้น CK ที่ราคาเป้าหมาย 28.65 บาท ปัจจัยมีการเติบโตที่ดี หลังจากเซ็นสัญญาโครงการขนาดใหญ่จากทางภาครัฐ โดยประเมินดัชนีหุ้นครึ่งเดือนแรกมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ดี ทะลุ 1,600 จุด  แต่ในช่วงครึ่งเดือนหลัง คาดว่าจะมีปัจจัยกดดันจากต่างประเทศ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ อาจจะมีการพูดถึงมาตรการดึงสภาพคล่องออกจากระบบ ซึ่งประเมินกรอบเคลื่อนไหวที่ 1,535 – 1,620 จุด อย่างไรก็ตามมองว่าการกระจายวัคซีน เป็นปัจจัยที่ต้องติดตามต่อในอนาคต โดยทางบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มีมุมมองเป็นกลาง