BBL เตือนธุรกิจตุนสภาพคล่อง ตั้งรับพิษโควิด-19 อีกยาว

HoonSmart.com>>BBL เตือนภาคธุรกิจสะสมสภาพคล่อง ตั้งรับพิษโควิด-19 อีกยาว ย้ำธนาคารดูแลลูกค้าใกล้ชิด 3 ช่วงเวลาสำคัญ ประคองตัว-ฟื้นตัว-เติบโต เร่งส่งมอบความช่วยเหลือผ่านมาตรการชุดใหญ่ ต่อลมหายใจผู้ประกอบการรอวัคซีนพร้อม

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) กล่าวในการสัมมนาออนไลน์“ประสานพลังเพื่อคู่ค้า เดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ” จัดโดยเดอะมอลล์ กรุ๊ป ซึ่งมีธนาคารแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินชั้นนำ ประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารออมสิน ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยคาดการณ์ว่า โรคนี้จะยังคงเป็นปัญหาต่อไปอีกพอสมควร ดังนั้น ธุรกิจต้องเตรียมการให้พร้อมสำหรับระยะเวลาที่จะยาวนานขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสภาพคล่อง

“เราคาดการณ์ว่าโควิด-19 จะอยู่กับเราไปอีกพอสมควร โจทย์สำคัญคือ ธุรกิจต้องเตรียมสภาพคล่องให้พร้อมรองรับกับระยะเวลาที่จะยาวนานขึ้น เพื่อประคับประคองให้สามารถก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ทั้งกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว และผู้ประกอบการที่เป็นเอสเอ็มอีรายย่อย”

นายชาติศิริ กล่าวต่อว่า ธนาคารเข้าใจถึงสถานการณ์ปัญหานี้ ซึ่งได้พยายามอย่างเต็มที่ในการดูแลและทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด โดยธนาคารได้แบ่งความช่วยเหลือให้สอดคล้องกับ 3 ช่วงการปรับตัวที่สำคัญของลูกค้า เนื่องจากจะมีความต้องการในแต่ละช่วงเวลาแตกต่างกัน ดังนี้

ช่วงที่ 1 ประคองธุรกิจให้ผ่านปัญหาไปให้ได้ ในช่วงนี้ “สภาพคล่องระยะสั้น” เป็นเรื่องสำคัญมาก ธนาคารจะเน้นสนับสนุนสภาพคล่องให้เพียงพอสำหรับประคับประคองรักษากิจการให้อยู่รอด รักษาพนักงานไว้ และปรับตัวเพื่อลดต้นทุน ให้สอดรับกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เดินทางน้อยลง ออกจากบ้านน้อยลง ไม่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง

ช่วงที่ 2 การฟื้นฟูธุรกิจ เมื่อธุรกิจเริ่มปรับตัวได้และเริ่มรีสตาร์ทอีกครั้ง เวลานี้ธุรกิจจะต้องการ “เงินทุนหมุนเวียน” สำหรับผลิตสินค้าหรือบริการ เพราะการมีเงินทุนหมุนเวียนเข้ามาเสริมจะช่วยให้ธุรกิจเริ่มฟื้นตัวได้อย่างแข็งแรงขึ้น

ช่วงที่ 3 ระยะยาว เมื่อธุรกิจเริ่มดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง อาจต้องปรับปรุงรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไปในยุคใหม่ หลังสถานการณ์โรคโควิด-19 โดยเฉพาะเศรษฐกิจดิจิทัลที่จะมีความสำคัญมากขึ้น

สำหรับรูปแบบการช่วยเหลือลูกค้า ธนาคารกรุงเทพได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อนำเสนอแผนความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้วยสภาพคล่องของธนาคารเอง และอาศัยสภาพคล่องที่รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยช่วยจัดหาให้ผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น

– มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู ที่เน้นการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการประคับประคองธุรกิจและรักษาการจ้างงาน รวมถึงฟื้นฟูธุรกิจให้เดินหน้าตามศักยภาพเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย
– สินเชื่อฟื้นฟูเพื่อ Micro SME สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการสภาพคล่องไม่มากนัก ตั้งแต่ 5แสนบาท – 1.5 ล้านบาท ซึ่งเปิดกว้างทั้งผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไป ทั้งที่ไม่มีวงเงินกับสถาบันการเงิน หรือมีวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ใน 2 ปีแรก
– สินเชื่อฟื้นฟูเพื่อคู่ค้าห้างสรรพสินค้า เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เป็นคู่ค้าของห้างสรรพสินค้า ทั้งซัพพลายเออร์ และร้านค้าในพลาซ่าต่าง ๆ เน้นการอนุมัติเร็วเช่นกัน
– สินเชื่อฟื้นฟูเพื่อ Micro SME โดยธนาคารกรุงเทพ สำหรับผู้ประกอบการ Micro SME ที่ไม่เข้าเงื่อนไขมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู ธนาคารกรุงเทพก็พร้อมสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารเอง

“เชื่อมั่นว่ามาตรการสภาพคล่องชุดใหม่ดังกล่าว จะสามารถช่วยให้ธุรกิจประคองตัวไปได้จนกระทั่งถึงจุดที่ประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนได้มากพอ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจทั้งในประเทศ และภาคการท่องเที่ยว สามารถกลับมาทำงานเป็นปกติได้มากขึ้น ดังเช่นที่เราเห็นตัวอย่างในหลายประเทศเช่นอิสราเอล อังกฤษ และสหรัฐฯ ที่ทุกคนกล้าออกจากบ้าน กล้าใช้ชีวิต กล้าใช้จ่าย และจะนำเศรษฐกิจไทยโดยรวมและธุรกิจไทยเข้าสู่ช่วงที่สอง คือเริ่มต้นรีสตาร์ทใหม่ และต่อเนื่องไปจนถึงช่วงที่สาม คือ ปรับโครงสร้าง ปรับ Business Model ที่ธนาคารจะทยอยออกสินเชื่อและการสนับสนุนรูปแบบต่าง ๆ มาช่วยรองรับต่อไป และเป็น “เพื่อนคู่คิด” ที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนไปด้วยกัน” นายชาติศิริ กล่าว