ดาวโจนส์ปิดลบ 81 จุด ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอ่อนตัวลง

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วง ดาวโจนส์ปิดลบ 81 จุด ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงมากกว่าคาด ด้านตลาดหุ้นยุโรปมีทั้งบวกและลบ ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 25 พฤษภาคม2564 ปิดที่ 34,312.46 จุด ลดลง 81.52 จุด หรือ 0.24% จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงมากกว่าคาด ขณะที่ความเสี่ยงด้านต่ำลดลง หลังจากการให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง (เฟด) เพื่อลดความกังวลต่อเงินเฟ้อได้ผล โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ่อนตัวลงอีก

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,188.13 จุด ลดลง 8.92 จุด, -0.21%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,657.17 จุด ลดลง 4.00 จุด, -0.03%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 มาที่ระดับต่ำต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ที่ 1.564%

Conference Board สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ รายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพฤษภาคมลดลงสู่ระดับ 117.2 จากระดับ 117.5 ในเดือนเมษายน ซึ่งได้ปรับใหม่ลดลงจาก 121.7 และต่ำกว่า 119.2 ที่นักวิเคราะห์คาด

นักวิเคราะห์จาก Invesco ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังสูงกว่าปีก่อน แต่ยังไม่เท่ากับระดับก่อนการระบาด และยังมีโอกาสที่ความเชื่อมั่นจะเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ด้านนักวิเคราะห์จาก High Frequency Economics ระบุว่า ความกังวลเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจยังมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แม้ความกังวลเกี่ยวกับด้านสุขภาพลดลงไปพร้อมๆกับการเปิดเศรษฐกิจ ที่มีผลต่อการสร้างงานและรายได้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนในหลายเดือนข้างหน้า

นักลงทุนยังกังวลต่อเงินเฟ้อและเงินเฟ้อคาดการณ์ รวมทั้งเกรงว่าเฟดจะลดการซื้อพันธบัตรลง แต่เจ้าหน้าที่ของเฟดหลายรายได้ออกมาแสดงความเห็นเพื่อคลายความกังวล โดยนายชาร์ลส อีแวน ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นยังไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของเงินเฟ้อ และเป็นภาวะชั่วคราว อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเมษายน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อของเฟดที่จะเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญ

ด้านแมรี่ ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ดังนั้นยังไม่ถึงเวลาปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน

กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนเมษายนลดลง 5.9% สู่ระดับ 863,000 ยูนิต ต่ำกว่า 970,000 ยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเดินเรือสำราญ โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 1.5% หลังจากเปิผดเยว่ายอดซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศเดือนนี้เท่ากับยอดปี 2019 เป็นผลจากการเปิดเศรษฐกิจ หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 1.04% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 0.96% หุ้นนอร์วีเจียนครูซไลฯและหุ้นรอยัล แครริบเบียนต่างเพิ่มขึ้นกว่า 3%

ตลาดหุ้นยุโรปมีทั้งบวกและลบ นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้น 1.3% แต่กลุ่มเหมืองแร่ลดลง1.7% ขณะที่ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวแตะ all-time high

สถาบัน Ifo รายงานความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปรับขึ้นมาที่ระดับสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 99.2 ในเดือนพฤษภาคม จาก 96.6 เดือนเมษายน แต่ GDP ไตรมาสแรกหดตัวมากกว่าคาด ที่ 1.8% จากไตรมาสก่อน และหดตัว 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากมาตรการเข้มงวดเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสที่กระทบการใช้จ่ายของครัวเรือน

ดัชนี Stoxx Europe 600ปิดที่ 445.20 จุด เพิ่มขึ้น 0.13 จุด, +0.029%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,029.79 จุด ลดลง 21.80 จุด, -0.31%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,390.27 จุด ลดลง 18.22 จุด, -0.28%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,465.09 จุด เพิ่มขึ้น 27.58 จุด, +0.18%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 66.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 19 เซนต์ ปิดที่ 68.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล