PTL กำไรงวดปี 2,970 ลบ. โต 65% ปันผล 46 สต.

HoonSmart.com>> “โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย)” โชว์กำไรสุทธิงวดปีกว่า 2,970 ล้านบาท เติบโต 65% จากงวดปีก่อน กวาดยอดขาย 15,144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% ธุรกิจแผ่นฟิล์มโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) โตแกร่ง บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล อัตรา 0.46 บาท ขึ้น XD 9 ส.ค.64

บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ PTL เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2563/2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2564 กำไรสุทธิ 2,970.00 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.30 บาท เติบโต 64.72% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,803.08 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.00 บาท

ภาพรวมปีนี้เป็นปีที่แข็งแกร่งของบริษัท เนื่องจากมีอัตรากาไรที่ดีขึ้น เนื่องจากสามารถรักษาระดับราคาขายได้แม้ราคาวัตถุดิบจะลดลง เนื่องจากสภาวะตลาดที่เอื้ออํานวย โดยมีปริมาณการขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 18% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากปริมาณที่เพิ่มขึ้นจากการเริ่มต้นสายการผลิตใหมในอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตามมูลค่าการขายเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 8% อยู่ที่ 15,144 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรับรู้ยอดขายโดยเฉลี่ยลดลง เนื่องจากราคาวัตถุดิบลดลงเมื่อเทียบงวดปีก่อน

ผลงานที่สูงขึ้นในธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ ธุรกิจแผนฟิล์มบาง แผ่นฟิล์มหนา คาสท์โพลิโพรพิลีนฟิล์ม ฟิล์มขึ้นรูปด้วยการเป่า และธุรกิจปลายน้ำ เช่น ฟิ ล์มเคลือบโลหะ ฟิล์มเคลือบซิลิโคน ฟิล์มเคลือบอัดขึ้นรูป เป็นผลจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง ส่งผลให้การทํากำไรและอัตรากำไรโดยรวมดีขึ้น

กลยุทธ์การมุงเน้นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าสูง (HVA) อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้บริษัทมีผลประกอบการที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับในอุตสาหกรรมเดียวกัน

คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมุติให้จ่ายเงินปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ต.ค. 2563-31 มี.ค.2564 และกำไรสะสมให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.46 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 10 ส.ค. 2564 ขึ้น XD วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผลวันที่ 9 ส.ค. 2564 และจ่ายเงินวันที่่ 26 ส.ค. 2564

นายอมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ PTL กล่าวว่า แนวโน้มความต้องการแผ่นฟิล์ม PET แบบบาง มีทิศทางที่สดใส โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี (compound annual growth rate: CAGR) คาดการณ์ไว้ที่ 5-7% ต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่สอดคล้องกับการเติบโตของกำลังการผลิตเฉลี่ยของบริษัทฯ ซี่งอยู่ที่ 6-8% ต่อปี นอกจากนี้ การขยายกำลังการผลิตใหม่ตามแผนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนใหญ่อยู่ในอินเดียและจีน โดยทั้งสองประเทศมีความต้องการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง

“บริษัทเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในภูมิภาคที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์ และจะยังคงเป็นผลบวกอย่างมากในอนาคตเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาปัจจุบันซึ่งห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างมาก รวมทั้งความท้าทายด้านโลจิสติกส์อื่นๆ ที่โลกกำลังเผชิญอยู่” นายอมิต กล่าว

ผลการดำเนินงานของ PTL แสดงให้เห็นถึงสถานะอันแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในการเป็นผู้ผลิตฟิล์ม PET รายใหญ่อันดับหกของโลก โดยได้รับการสนับสนุนจากชื่อเสียงในฐานะซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือและการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ พร้อมฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งทั่วโลกรวมถึงการให้ความสำคัญกับการวิจัยพัฒนา และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง

“จุดเด่นในปีหน้า คือการลงทุนใหม่ของบริษัทฯ ในกลุ่มแผ่นฟิล์ม BOPP ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มในไตรมาสที่ 2 ของปีบัญชีนี้ ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากสายการผลิตใหม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่งของตลาดในประเทศ รวมถึงการผนึกกำลังกับฐานลูกค้าที่มีอยู่ของแผ่นฟิล์ม BOPET เนื่องจากเรามุ่งมั่นที่จะเป็นซัพพลายเออร์ที่ครบวงจร เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการบรรจุภัณฑ์ชนิดยืดหยุ่นให้แก่ลูกค้าได้ดีที่สุด” นายปรากาช กล่าว

ส่วนการขยายสายการผลิตแผ่นฟิล์ม Brownfield BOPET ของ PTL ในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นไปอย่างราบรื่น และคาดว่าจะเริ่มการผลิตในไตรมาสที่ 1 ของรอบปีบัญชี 2566-67 ซึ่งเป็นการปูทางให้โพลีเพล็กซ์ขยายส่วนแบ่งการตลาด และเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับความนิยมในทวีปอเมริกา ซึ่งปัจจุบันยังต้องพึ่งพาการนำเข้า เพื่อรองรับความต้องการแผ่นฟิล์ม BOPET ที่เพิ่มมากขึ้น