HoonSmart.com>> “เซนต์เมด” รอ ก.ล.ต. อนุมัติ คาดขาย 54 ล้านหุ้น และเข้าเทรดตลาด mai ภายในเดือนมิ.ย.2564 ในอนาคตเติบโตจากธุรกิจหลักอุปกรณ์เวชบำบัด-อุปกรณ์ช่วยหายใจและเวชศาสตร์ พร้อมมีธุรกิจใหม่ โครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ-เครื่องมือแพย์ให้เช่าหนุน ระดมทุนไปใช้ลงทุนในธุรกิจใหม่ คืนเงินกู้ ใช้หมุนเวียนในกิจการ มั่นใจอัตรากำไรสุทธิดีขึ้น D/E ต่ำกว่า 0.5 เท่า มีความสามารถกู้เงินเพื่อลงทุนอีกมาก
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เซนต์เมด (SMD) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 54 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอการอนุมัติจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะสามารถเปิดจองและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในช่วงเดือน มิ.ย.2564
“SMD ประกอบธุรกิจเครื่องมือแพทย์พื้นฐานตามโรงพยาบาล ที่มีการเติบโตตามอุตสาหกรรมโรงพยาบาล ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ โรงพยาบาลต่างๆ ยังมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ดี ซึ่ง SMD เป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์และจัดจำหน่ายทางการแพทย์ที่ดีอันดับต้นๆของโลก อีกทั้งสังคมไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัย ทำให้การเข้าไปใช้โรงพยาบาลและความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์จะเพิ่มสูงขึ้นอีกมากในอนาคต” นายเอกจักร กล่าว
ด้านดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด (SMD) เปิดเผยว่า บริษัทจะเติบโตจากธุรกิจจำหน่ายสินค้าเวชบำบัด และธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์การช่วยหายใจและเวชศาสตร์ เป็นธุรกิจหลัก มีสัดส่วนรายได้ 40.20% และ 35.22% ตามลำดับ
นอกจากนี้ในอนาคตโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ (Sleep Lab) ที่ปัจจุบันร่วมลงทุนกับศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จะมีการเติบโตขึ้นอีกมาก โดยมีเจรจาอยู่กับพันธมิตรหลายราย ซึ่งบริษัทฯจะจำหน่ายอุุปกรณ์ที่ช่วยในการนอนหลับ ในศูนย์โครงการดังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วย รวมถึงการให้บริการเครื่องมือแพทย์ให้เช่า จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะช่วยสร้างการเติบโตอย่างมั่งคง
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะนำเงินไปลงทุนในโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ ลงทุนในอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ให้เช่า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกับชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน
ด้านนายกำพล ชัยสุภัคสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน SMD เปิดเผยว่า ภายหลังจากการระดมทุนครั้งนี้แล้วเสร็จ คาดว่าอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) จะลดลงเหลือต่ำกว่า 0.5 เท่า จากปี 2563 อยู่ที่ 1.87 เท่า โดยเบื้องต้นจะนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 40-45% ทำให้อัตรากำไรสุทธิดีขึ้น จากที่ผ่านมาดีขึ้นต่อเนื่อง ปี 2563 ขึ้นมาอยู่ที่ 11.75% ทำให้บริษัทมีความสามารถในการกู้ยืมจากสถาบันการเงินได้เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการลงทุนต่างๆ
“เราอยากให้นักลงทุนพิจารณาเลือก SMD เป็นหนึ่งในตัวเลือกของท่าน เรามีรายได้และกำไรเติบโตมาโดยตลอด ปี 2564 เราตั้งเป้าไว้ที่ 15-20% โดยเราพยายามจะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในอนาคตอยู่เสมอ” นายกำพลกล่าวทิ้งท้าย