ดาวโจนส์ปิดลบ 54 จุด หุ้นเทคโนโลยีร่วง

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงเล็กน้อย ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 54 จุด แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแน่น ซื้อกลุ่มได้ประโยชน์เปิดเศรษฐกิจ ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 17 พฤษภาคม2564 ปิดที่ 34,327.79 จุด ลดลง 54.34 จุด หรือ -0.16% แต่พ้นจากจุดต่ำสุดของวันจากความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยกลุ่มเทคโนโลยีนำการปรับลดลง แต่การซื้อขายมุ่งในหุ้นที่ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ และหุ้นที่ซื้อขายตาม reflation trade

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,163.29 จุด ลดลง 10.56 จุด, -0.25%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,379.05 จุด ลดลง 50.93 จุด, -0.38

หุ้นแอปเปิล หุ้นเน็ตฟลิกว์ต่างลดลง 0.9% หุ้นไมโครซอฟต์ลดลง 1.2%

นักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities ระบุว่า นักลงทุนขายหุ้นที่ราคาปรับสูงขึ้นในช่วงการระบาดของไวรัสและหันไปซื้อหุ้นในดัชนี S&P 500 ซึ่งในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมาราคายังไม่ปรับขึ้น

ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อถ่วงตลาด และนักลงทุนรอการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลาง(เฟด) ในวันนี้เพื่อจับสัญญานนโยบายการเงิน และแรงกดดันเงินเฟ้อในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากการระบาด

นักวิเคราะห์จาก Northern Trust Wealth Management ระบุว่า ตลาดยังให้ความสนใจอย่างมากกับเงินเฟ้อต่อไป เพราะมีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคและมีผลต่อนโยบายการเงิน และอาจมีผลต่อมาตรการการคลัง

ริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นตัวไม่มากพอและเร็วเกินไปที่จะลดนโยบายสนับสนุน และเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป็นภาวะชั่วคราว แต่จับตาข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด

นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้ากล่าวว่า เขายังสนับสนุนให้เฟดใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป และอาจจะต้องใช้เวลาอีกราว 2 เดือนทำความเข้าใจพลวัตรเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มขึ้นท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มค้าปลีก ได้แก่ วอลมาร์ท อิงค์, โฮม ดีโปท์ และเมซีส์ ในวันนี้

บริษัทกว่า 90% ในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 1 เรียบร้อยแล้ว โดยที่ 86% รายงานตัวเลขกำไรต่อหุ้น (EPS) ดีเกินคาด ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ FactSet เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2008

นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การตอบสนองของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่อผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ดีกว่าคาดเป็นแรงหนุนมุมมองทางบวกให้กับตลาดในระยะต่อไป โดยหุ้นที่มี EPS ดีกว่าคาดมักจะนำดัชนี S&P 500 ราว 1% หลังจากรายงานผลการดำเนินงาน

เฟด สาขานิวยอร์ก รายงาน ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index)เดือนพฤษภาคม ลดลง 2 จุด มาที่ระดับ 24.3 และต่ำกว่า 25.0 ที่นักวิเคราะห์คาด

สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เผยผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน (NAHB/Wells Fargo Housing Market Index)เดือนพฤษภาคม ทรงตัวที่ระดับ 83

หุ้น AT&T ลดลง 2.7% หลังประกาศบรรลุข้อตกลงในการควบรวมกิจการของ WarnerMedia เข้ากับ Discovery ส่วนหุ้น Discovery ลดลง 5.05%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่ลดลง 2.25% นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น จากสายพันธ์ใหม่

นอกจากนั้นักลงทุนรอการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลาง(เฟด) ในวันนี้เพื่อจับสัญญานนโยบายการเงิน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 442.29 จุด ลดลง 0.24 จุด, -0.054%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,032.85 จุด ลดลง 10.76 จุด, -0.15%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิด 6,367.35 จุด ลดลง 17.79 จุด, -0.28%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,396.62 จุด ลดลง 20.02 จุด, -0.13%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 66.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 75 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 69.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล