HoonSmart.com>> “บิวตี้ คอมมูนิตี้” ไตรมาส 1/64 ขาดทุนสุทธิ 15 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 62% จากงวดปีก่อน หลังปรับกลยุทธ์ แผนงาน คุมค่าใช้จ่าย ปิดสาขาไม่ทำกำไรหนุน ด้านรายได้รวมยังลดลง 49% ผละกระทบโควิด-19
บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 ขาดทุนสุทธิ 15.13 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.01 บาท ขาดทุนลดลง 61.86% จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 39.68 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.01 บาท
รายได้รวม ไตรมาส 1/2564 เท่ากับ 137.41 ล้านบาท ลดลง 49.17% จากไตรมาส 1 ปี 2563 และลดลง 29.21% จากไตรมาส 4/2563 โดยสัดส่วนรายได้ปี 2564 นี้มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 44.74% ร้านค้าปลีก 41.39% อีคอมเมิร์ช 7.23% โมเดิร์นเทรด 2.47% เจเนอรัลเทรด 0.92% และอื่นๆ 3.25% อนึ่ง การขายไปตลาดต่างประเทศบริษัทขายสินค้าในลักษณะค้าส่ง และสำหรับ Same Store Sales Growth (SSSG) ไตรมาส 1/2564 เท่ากับ -27.50%
รายได้ที่ลดลงหลักๆ เป็นผลกระทบมาจากโควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดทั้งในและต่างประเทศ ทำให้สภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างมาก ในส่วนของประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบในระบบเศรษฐกิจ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวก็ยังไม่กลับมาดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีนยังไม่มีเข้ามา แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 บริษัทจะสามารถเปิดสาขาร้านค้าปลีกในห้างสรรพสินค้าได้ตามปกติก็ตาม
นอกจากนี้ในกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางมีการแข่งขันที่รุนแรงจัดโปรโมชันต่างๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นยอดขายกันมาก
อย่างไรก็ตามบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ Business Re-engineering ปรับแนวทางบริหารจดัการและเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจทั้งระบบเพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจเครื่องสำอางหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยได้ปรับโครงสร้างการบริหารจดัการคร้ังใหญ่ ให้มีความคล่องตวัโดยการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร ร่วมกับการลดกำลังคนเพื่อลดขนาดองค์กรให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและสถานการณ์เศรษฐกิจ
ด้านค่าใช้จ่ายในการขาย 60.77ล้านบาท ลดลง 51.32% จากไตรมาส 1/2563 และลดลง 19.87% จากไตรมาส 4/2563 เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์และแผนดำเนินงานของบริษัท ที่มุ่งเน้นบริหารจัดการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามโครงการประหยัดค่าใช้จ่าย (Cost saving program) มาอย่างต่อเนื่อง เช่น ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการโฆษณาและส่งเสริมการขาย ค่าใช้จ่ายที่มีลักษณะคงที่ต่างๆ ด้วยการปิดสาขาที่ไม่มีศกัยภาพในการทำกำไร เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
ด้านค่าใช้จ่ายในการบริหารเท่ากับ 29.69ล้านบาท ลดลง 52.70% จากไตรมาส 1/2563 และลดลง 5.69% จากไตรมาส 4/2563 เกิดจากบริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆไม่ให้สูงเกินไปตามโครงการประหยัดค่าใช้จ่าย (Cost saving program) เพื่อที่จะควบคุมค่าใช้จ่ายที่สามารถควบคุมได้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงมีการปรับลดขนาดองค์กรให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและตามสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน