ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 433 จุด ยื่นรับสวัสดิการว่างงานต่ำสุดรอบ 14 เดือน

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 433 จุด ตัวเลขยื่นรับสวัสดิการว่างงานต่ำสุดรอบ 14 เดือน คลายวิตกเงินเฟ้อ หนุนดอกเบี้ยเร่งตัวขึ้นเร็ว นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นได้ประโยชน์เศรษฐกิจฟื้น ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวก ราคาน้ำมันดิบดีดขึ้นกว่า 3%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 ปิดที่ 34,021.45 จุด เพิ่มขึ้น 433.79 จุด หรือ 1.29% นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและคลายวิตกต่อเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นที่อาจจะทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นชั่วคราว รวมทั้งได้แรงหนุนจากข้อมูลตลาดแรงงานที่ดีขึ้น

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,112.50 จุด เพิ่มขึ้น 49.46 จุด , +1.22%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,124.99 จุด เพิ่มขึ้น 93.31 จุด, +0.72

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงมาที่ 1.6556% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ลดลงมาที่ 0.1569%

หุ้นกลุ่มที่ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ทั้งสายการบินปรับตัวขึ้นหลังศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระบุว่า คนที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้วไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากหรือต้องรักษาระยะห่างระหว่างกันอีกต่อไป โดยหุ้นอเมริกันแอร์ไลน์ หุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์และหุ้นเดลต้าแอร์ไลน์ต่างเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2%

นักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนหันมาสนใจกับการเปิดเศรษฐกิจ สะท้อนจากการปรับขึ้นของหุ้น small caps, หุ้นผู้ผลิตชิป, หุ้นกลุ่มขนส่ง, หุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวจากการระบาด

กระทรวงแรงงานรายงานการผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 พฤษภาคม ลดลง 34,000 ราย มาที่ระดับ 473,000 ราย ต่ำที่สุดในรอบ 14 เดือน และต่ำกว่า 490,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

นอกจากนี้ยังรายงาน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเมษายนเมื่อเทียบรายเดือนเพิ่มขึ้น 0.6% และสูงกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด และเมื่อเทียบรายปีเพิ่มขึ้น 6.2% เป็นการเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี 2010 และสูงกว่า 3.8% นักวิเคราะห์คาด

ตลาดส่วนใหญ่คาดไว้อยู่แล้วว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น นักลงทุนที่ถือเงินสดไว้จึงกลับเข้ามาลงทุน

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นโดยหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริกเพิ่มขึ้น 1.17% หุ้นแคทเธอพิลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.16%

ในกลุ่มธนาคารหุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 2.57% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 1.24% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.43% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 1.4%

หุ้นโบอิ้ง เพิ่มขึ้น 0.84% หลังสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) อนุญาตบริษัทแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าของเครื่องบินรุ่น 737 MAX

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานที่ลดลง 3% จากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อของสหรัฐฯเดือนเมษายนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ทำให้วิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด รวมทั้งยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน

หุ้นเบอเบอร์รีในอังกฤษ ลดลง 4.2% หลังรายงานยอดขายและกำไรลดลง แม้ดีกว่าระดับเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์คาด

หุ้นบีที ลดลง 5.9% แม้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามคาดแต่แนวโน้มธุรกดิจยังมีความไม่แน่นอนสูง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 437.32 จุด ลดลง 0.61 จุด, -0.14%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,963.33 จุด ลดลง 41.30 จุด, -0.59%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิด 6,288.33 จุด เพิ่มขึ้น 8.98 จุด, +0.14%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,199.68 จุด เพิ่มขึ้น 49.46 จุด, +0.33%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 2.26 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 63.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 2.27 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 67.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
อ่านข่าว

น้ำมันดิบร่วงกว่า 3% ทองขึ้น 1.20 เหรียญฯ