ดาวโจนส์ปิดร่วง 681 จุด เงินเฟ้อสูงเกินคาด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลงกว่า 2% ดาวโจนส์ปิดร่วง 681 จุด เงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงเกินคาด เพิ่มขึ้น 4.2% นักลงทุนวิตกดอกเบี้ยขึ้นเร็วกว่าคาด ด้านตลาดหุ้นโรปสวนทางปิดบวก แรงซื้อหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซหนุน ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 12 พฤษภาคม2564 ปิดที่ 33,587.66 จุด ลดลง 681.50 จุด หรือ -1.99% จากเงินเฟ้อที่ร้อนแรงเกินคาดทำให้เกิดแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี นับเป็นวันที่ลดลงแรงสุดตั้งแต่เดือนมกราคม ทำให้นักลงทุนวิตกว่านโยบายการเงินจะเข้มงวดขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่อาจจะสูงขึ้นติดต่อกันนาน

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,063.04 จุด ลดลง 89.06 จุด, -2.14%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,031.68 จุด ลดลง 357.75 จุด, -2.67%

ก่อนตลาดเปิดกระทรวงแรงงานรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 0.8 จากเดือนมีนาคม สูงกว่า 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาด และเพิ่มขึ้น 4.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่า 3.6% ที่นักวิเคราะห์คาด ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่ปี 2008

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.9% จากเดือนก่อน สูงกว่า0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด เพิ่มสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 1982 และเพิ่มขึ้น 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่า 2.3% ที่นักวิเคราะห์คาด

ปัจจัยที่ผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นมีทั้งการเปิดเศรษฐกิจ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการที่ธนาคารกลางยอมปล่อยให้เศรษฐกิจร้อนแรงขึ้น

นักวิเคราะห์จาก MJP Wealth Advisors ระบุว่า ยังมีความไม่แน่นอนว่าเงินเฟ้อจะเพ่มขึ้นไปนานแค่ไหนภายใต้ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เพราะราคาสินค้าหลายอย่างเพิ่มขึ้นทั้งราคาบ้าน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

นักลงทุนกังวลว่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะมีผลต่อผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน และหากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นติดต่อกันนาน ธนาคารกลาง(เฟด)อาจจะปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น และมองว่าเฟดอาจจะควบคุมเงินเฟ้อไม่ทันการณ์

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่ง่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยลดลง โดยหุ้นไมโครซอฟต์ หุ้นเน็ตฟลิกซ์ หุ้นแอมะซอน หุ้นแอปเปิลต่างลดลงกว่า 2%

หุ้นเทสลาลดลง 4.42% หลังรายงาน ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนดือนเมษายนลดลง 27% จากเดือนมีนาคม

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้เงินเฟ้อเดือนเมษายนของสหรัฐฯสูงเกินคาด นำโดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซที่เพิ่มขึ้น 2% จากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น แต่กลุ่มเทคโนโลยีลดลง 1.4% ด้วยแรงขายในหุ้นกลุ่ม growth stock

นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์เพิ่มขึ้น 8.3% จากกำไรไตรมาสแรกที่ดีกว่าคาดและปรับคาดการณ์แนวโน้มรายได้ทั้งปีสูงขึ้น

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 437.93 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด, +0.30%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,004.63 จุด เพิ่มขึ้น 56.64 จุด, +0.82%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิด 6,279.35 จุด เพิ่มขึ้น 11.96 จุด, +0.19%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,150.22 จุด เพิ่มขึ้น 30.47 จุด, +0.20%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 80 เซนต์ ปิดที่ 66.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ ปิดที่ 69.32ดอลลาร์ต่อบาร์เรล