HoonSmart.com>>6 บริษัทในครอบครัวปตท. ประกาศผลงานไตรมาส 1/2564 ออกมาสวยงาม กำไรรวม 36,145 ล้านบาท หนุนให้บริษัทปตท. (PTT) โดดเด่นด้วยเช่นกัน สาเหตุสำคัญมาจากกำไรสต๊อกน้ำมัน ราคาผลิตภัณฑ์สูงขึ้น และความต้องการเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) มีกำไรมากที่สุด 11,534 ล้านบาท ตามด้วย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) 9,695 ล้านบาท และ บริษัทไออาร์พีซี (IRPC) กำไร 5,581 ล้านบาท โดย IRPC ทำกำไรปกติได้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์และตลาดคาดการณ์ จึงให้คำแนะนำซื้อ พร้อมปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564
ด้านนายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี กล่าวว่า ในไตรมาส 1/ 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ 48,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%จากไตรมาส 4/2563 เป็นผลมาจากราคาขายเพิ่มขึ้น 25% ตามราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 6,965 ล้านบาท (13.68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) เพิ่มขึ้น 13% สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมีส่วนใหญ่สูงขึ้น และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) จำนวน 11,967 ล้านบาท หรือ 23.51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 59% สาเหตุหลักจากกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นมากจากราคาเฉลี่ย 44.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว เป็น 60.01 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทำให้มีกำไรสุทธิ 5,581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,973 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน
บริษัทฯ เดินหน้าโครงการการขยายธุรกิจ โดยมีโครงการลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ โครงการผลิตเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษสำหรับ ผ้า Melt blown รวมถึงการต่อยอดธุรกิจปิโตรเคมีปลายน้ำโดยการร่วมทุนจัดตั้ง บริษัท อินโนโพลีเมด เพื่อผลิตผ้า Melt blown ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสำคัญสำหรับผ้าชั้นกรองหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ชุดกาวน์ และแผ่นกรองอากาศ เป็นต้น โครงการสร้างห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพของอุปกรณ์ทางการแพทย์ ครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงการปรับปรุงการผลิตเพื่อรองรับมาตรฐานน้ำมัน EURO V รวมถึงการมองหาพันธมิตร เพื่อสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Smart materials ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสุขอนามัย ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจ
แนวโน้มในไตรมาส 2 ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว คาดว่าปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะยังคงอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา จากการที่ตลาดหลักอย่างประเทศจีนมีการผลิตและการส่งออกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่โรงงานต่างๆ ในประเทศจีนได้กลับมาผลิตสินค้าอีกครั้ง ส่งผลให้แนวโน้มตลาดในภูมิภาคอาเซียนกลับมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตใหม่ที่อาจเพิ่มขึ้น รวมถึงการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด – 19 ทั่วโลกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศอินเดีย เป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง แม้ว่าเป็นผลดีต่อความต้องการผลิตภัณฑ์กลุ่มโอเลฟินส์ และกลุ่มสไตรีนิกส์ นอกจากนี้ การแพร่กระจายของวัคซีน รวมถึงนโยบายอัดฉีดเงินสนับสนุนทางเศรษฐกิจ และการออกมาตรการกระตุ้นและสนับสนุน ภาคการผลิตจากภาครัฐ เป็นปัจจัยหลักที่มีความสำคัญต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีด้วยเช่นกัน
ในด้านของการดูแลสังคม IRPC ได้จัดหาวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ชุด Cover all ชุดกาวน์ ถุงมือยาง เครื่องอุปโภค บริโภคและของใช้ที่จำเป็น โดยร่วมมือกับกลุ่ม ปตท. รวมทั้งเครือข่ายคู่ค้า ลูกค้า เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน ทั้งในพื้นที่รอบเขตประกอบการอุตสาหกรรม ไออาร์พีซี จ.ระยอง และโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ ให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19
บล.คิงส์ฟอร์ด แนะนำซื้อเก็งกำไร IRPC ให้ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท หลังจากปี 2564 เทิร์นอะราด์ กำไรหลักพลิกกลับมาเป็นบวก 334 ล้านบาท ครั้งแรกในรอบ 2 ปี คาดแนวโน้มไตรมาส 2 กำไรปกติยังได้แรงหนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในเดือนเม.ย.-พ.ค.ปรับตัวขึ้นโดดเด่น จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของปี 2564 ขึ้นจากเดิม 162% เป็น 7,300 ล้านบาท และยังมีปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์หุ้นถูกนำเข้าคำนวณดัชนี SET 50 รอบครึ่งปีหลัง