HoonSmart.com>>บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล (WINMED) เป็นหุ้นเทคโนโลยีด้านสุขภาพ “HealthTech”ตัวแรกในตลาดหลักทรัพย์ นักลงทุนต้องเทียบชั้นกับหุ้นธุรกิจเดียวกันในต่างประเทศ มีจุดเด่นในฐานะผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องและชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง ผลิตภัณฑ์ “เป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตและอยู่ใกล้ตัวทุกคน” ความต้องการซื้อมีแต่จะเพิ่มขึ้น ขณะที่มีคู่แข่งน้อย สร้างโอกาสการเติบโตที่สูงมาก….
“นันทิยะ ดารกานนท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล (WINMED)ให้สัมภาษณ์ว่า มีประสบการณ์ในธุรกิจนี้มากว่า 27 ปี บริษัทเป็น HealthTech เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เฉพาะทางไฮเทค “ที่มีความจำเป็นและใกล้ตัวทุกคน” ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายจากผู้ผลิตช้ันนำในต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับด้านมาตรฐานจาก 23 บริษัทใน 12 ประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สเปน เกาหลีใต้
การจำหน่ายทุกผลิตภัณฑ์ บริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดหรืออันดับต้นๆในประเทศ ไม่อยู่ในอันดับที่ 1 ก็อันดับ 2 แต่ไม่เคยต่ำกว่าอันดับ 3 หลายผลิตภัณฑ์ไม่มีคู่แข่ง เพราะเป็นไฮเทคโนโลยี คู่ค้าระดับโลก มีลูกค้าหลักเป็นกลุ่ม โรงพยาบาลทั้งรัฐ เอกชน ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทย เป็นต้น สามารถตอบโจทย์ “เพน พอร์ท” ให้บริการครบวงจร เพื่อให้คุณภาพชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่ดีขึ้น
เรื่องผลิตภัณฑ์ด้านธนาคารโลหิต บริษัททำมา 27 ปี เริ่มตั้งแต่เกล็ดเลือด บางกรณีต้องการกรอง ก็มีชุดกรอง ฆ่าเชื้อ บริษัทไม่มีคู่แข่ง ถือเป็นรายเดียวในโลก เมื่อแนวโน้มมีการตรวจโรคเพิ่มเติม เช่น ตรวจไวรัสตับอักเสบบี บริษัทก็มีผลิตภัณฑ์ และมีตู้เย็นที่เก็บเกล็ดเลือด
ส่วนผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสตรี อาทิ ชุดตรวจหามะเร็งปากมดลูก ธุรกิจเป็น “บูล โอเชี่ยล”
บริษัทได้รับการแต่งตั้งจากบริษัท Hologic สหรัฐอเมริกาให้เป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จากข้อมูลพบว่ามีผู้หญิงจำนวน 21 ล้านคนต้องมีการตรวจภายใน แต่กลับมีการตรวจจริงเพียง 5-6 ล้านคน อีก 14-15 ล้านคนไม่ตรวจเลย ด้วยเหตุผลต่างๆนานา เช่น อาย ไม่เดินเข้าโรงพยาบาลเอกชน คนไทยเสียชีวิตด้วยโรคนี้เฉลี่ย 14 คน /วัน สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก มะเร็งในเต้านม 7 หมื่นคน พบว่าทุกปีมีคนจำนวน 2.2-2.5 หมื่นคน หายแล้ว 30% จะกลับมาเป็นใหม่ ถ้าตรวจเจอตั้งแต่ระยะเริ่มต้น สามารถรักษาได้
นอกจากนี้บริษัทยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไฮเทคอีกมาก อาทิ ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเซลล์บำบัด (Cell Therapy)เครื่องคัดแยกสเต็มเซลล์ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสุขภาพและสุขอนามัย เช่น เครื่องดักจับยุงและแมลงดูดเลือด
” เรามีผลิตภัณฑ์ที่เป็น S Curve อยู่หลายตัว มีสินค้าหลักและสินค้าเสริม ซึ่งเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา เราตั้งแผนกพัฒนาธุรกิจขึ้นมา ในการหาสินค้าใหม่ หาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว ปัจจุบันมีอยู่ในท่อจำนวนมาก และจะมีเข้ามาเพิ่มเติม ด้วยความชอบส่วนตัว ศึกษาผ่านหนังสือ อยู่ในแวดวง มีข่าว และบริษัทชั้นนำในต่างประเทศติดต่อให้บริษัทเป็นตัวแทนจำหนาย หรือไม่ก็มีการแนะนำปากต่อปาก ทำให้เรามีผลิตภัณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง “นันทิยะกล่าว
กลยุทธ์การเติบโต บริษัทไม่ได้เน้นการขายเครื่อง เน้น “การขายของใช้แล้วหมดไป” เพื่อสร้างมาร์จิ้นที่ดี ต้องการรายได้โตสม่ำเสมอ นักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวน ไม่ต้องกังวลความเสี่ยงเรื่องถูกบอกเลิกสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่ายจากต่างประเทศ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญาหรือไม่ต่ออายุสัญญา แต่ละบริษัททำกันมานานตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
ทั้งนี้ผลการดำเนินงาน 3 ปีที่ผ่านมา เมื่อปี 2561 และปี 2562 มีรายได้จากการขายเครื่อง ส่วนปี 2563 ไม่มี กลับมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 51.59 ล้านบาท แม้ว่าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บ้างก็ตาม โดยโครงสร้างรายได้มาจากราชการเป็นส่วนใหญ่ รายได้เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล ส่วนใหญ่เข้ามาในไตรมาสที่ 3- 4 ประมาณ 70-80% ส่วนที่เหลือจะเข้ามาในครึ่งปีแรก
“นันทิยะ” กล่าวว่า สถานการณ์โควิดไม่น่ากังวล ยอดขายไม่ได้หายไปไหน ทุกครั้งที่เกิดการแพร่ระบาด คนมาบริจาคเลือดน้อยลง หรือมีการเลื่อนการผ่าตัด ทำให้การใช้ผลิตภัณฑ์ด้านธนาคารเลือด ด้านความปลอดภัยของเลือดน้อยลง แต่ในที่สุดก็ต้องกลับมาใช้มากขึ้น เพราะเลือดเป็นสิ่งสำคัญ นำมาใช้ในการช่วยรักษา ถ้าไม่ผ่าตัดวันนี้ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ก็ต้องเข้ารับการผ่าตัด และมีคนมาบริจาคเลือดเพิ่มขึ้น ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทก็จะเติบโตตามมา เชื่อว่าเมื่อโควิดคลี่คลายลง ความต้องการน่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
WINMED จะเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต หลังจากนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ถือเป็นก้าวสำคัญ พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการลงทุนและชำระคืนเงินกู้ บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
ปัจจุบันพร้อมแล้วที่จะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) วันที่ 11 พ.ค.2564 หลังจากประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก จำนวน 120 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.10 บาท จากมูลค่าหุ้นที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท
6 นักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมาย 4.50-3.80 บาท/หุ้น
ราคาเป้าหมายหุ้น WINMED ที่แตกต่างกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นหุ้น HealthTech จึงไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับหุ้นที่ทำธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ในตลาดหลักทรัพย์ สามารถนำไปเปรียบเทียบกับบริษัทธุรกิจเดียวกันในต่างประเทศ คู่ค้าของบริษัทหลายแห่งอยู่ในตลาดหุ้น
บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินมูลค่าพื้นฐานปีนี้ที่ 3.90 ด้วยวิธี P/E 24.5 เท่า เทียบเท่า P/E เฉลี่ยในอดีตของบริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ (BIZ) และบริษัท เทคโนเมดิคัล(TM) ซึ่งทำธุรกิจจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ในตลาด mai เช่นกัน แต่ให้ P/E สูงกว่า
แนวโน้มกำไรของ WINMED ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เติบโตเฉลี่ย 19% คาดจะมีกำไรสุทธิ 63 ล้านบาท 75 ล้านบาทและ 86 ล้านบาทตามลำดับ รายได้รวมโตเฉลี่ย 13% กลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพสตรีกลับมาเติบโตสูง ภาครัฐให้การสนับสนุนเพิ่มจังหวัดเข้ามาร่วมการคัดกรองโดยใช้ HPV DNA test เป็น 41 จังหวัด บริษัทมีความน่าสนใจจากการเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมขั้นสูง ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 47-48% สูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันหลังห้อง
ปฎิบัติการเริ่มเปิดใช้ช่วงต้นปี 2565 แนวโน้มการเติบโตจะดียิ่งขึ้น ความประหยัดต่อขนาดที่มากขึ้นจากรายได้เติบโต
ด้านบล.ฟินัเซียไซรัส ประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 4.50 บาท P/E 27 เท่า หรือส่วนลด 17% จากP/E เฉลี่ยของผู้ประกอบการในต่างประเทศเท่ากับ 32.5-33.0 เท่า ในปี 2564-2565 และ P/BV เฉลี่ย 5.3-6.0 เท่า ขณะเดียวกันให้ P/E สูงกว่าบริษัทที่มีธุรกิจบางส่วนคล้ายคลึงกันในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่ BIZ, IMH, TM ในปี 2562-2563 พบว่า WINMED มีรายได้ กำไรและความสามารถในการทำกำไรสูงกว่า
Bloomberg คาดการณ์ปี 2564-2566 พบว่า WINMED มีการเติบโตของรายได้และกำไรสูงกว่ากลุ่ม เพราะบริษัทอยู่ในช่วง Growth stage ขณะที่หลายบริษัทที่นำมาเปรียบเทียบผ่านช่วงการเติบโตสูงไปแล้ว แต่อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิของ WINMED ต่ำกว่ากลุ่ม ขณะที่ ROE ในปี 2563 ต่ำกว่ากลุ่ม เพราะมีการเพิ่มทุน แต่ในปี 2564 เพิ่มขึ้นตามความสามารถในการทำกำไรเป็น 21.6% สูงกว่ากลุ่มมาก
“กำไรของ WINMED ในอีก 3 ปีข้างหน้า เติบโตก้าวกระโดดเฉลี่ย 67.9% เท่ากับ 68.1 ล้านบาท +32.1% 116.2 ล้านบาท +70.5% และ 192.0 ล้านบาท +65.2% ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิที่มีพัฒนาการดีขึ้นต่อเนื่องจาก 9.7% ในปี 2563 เป็น 10.3%, 13.0% และ 16.1% ในปี 2564-2566 รายได้จะเติบโตสูงเฉลี่ย 34.0% เพราะบริษัทกำหนดราคาขายแบบ Cost plus ในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท และดอกเบี้ยจ่ายจะลดลงหลังจากบริษัทนำเงิน IPOไปชำระคืนเงินกู้”บล.ฟินันเซียไซรัสระบุ
แนวโน้มของ WINMED ที่สดใสในระยะยาว ส่งผลให้หุ้นได้รับการตอบรับที่ดีในวันแรกและวันต่อๆไป โดยบริษัทจะให้ผลตอบแทนที่สูงแก่นักลงทุน ผู้ถือหุ้นด้วยเช่นเดียวกัน