ดาวโจนส์ปิดลบ 185 จุด ขายทำกำไรกลุ่มเทคโนโลยี

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดลบ 185 จุด ขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แม้ผลดำเนินงานสดใส ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งไม่ได้ช่วยหนุนตลาด ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ร่วง ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 30 เมษายน 2564 ปิดที่ 33,874.85 จุด ลดลง 185.51 จุด หรือ -0.54% จากการเทขายบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่แม้ผลการดำเนินงานสดใสและข้อมูลเศรษฐกิจแข็งแกร่ง

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,181.17 จุด ลดลง 30.30 จุด, -0.72%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,962.68 จุด ลดลง 119.86 จุด, -0.85%

หุ้นแอมะซอน ลดลง 0.1% แม้รายงานกำไรไตรมาสแรกสูงเป็นประวัติการณ์ โดยกำไรเพิ่มขึ้นกว่าเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า ยอดขายโต 44% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

หุ้นทวิตเตอร์ ลดลง 15% จากคาดการณ์รายได้ไตรมาส 2 ไม่สดใส

หุ้นไมโครซอฟต์ หุ้นเฟซบุ๊ก หุ้นอัลฟาเบท และหุ้นแอปเปิลต่างลดลง 0.3%- 1.5%

บริษัท 303 รายใน ดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลการดำเนินงานแล้ว โดย 87.1% ดีกว่าที่คาด

ในเดือนเมษายน ดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 2.7% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 5.2% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 5.4% โดยดัชนี DJIA และ ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน

นักวิเคราะห์จาก Spartan Capital ระบุว่า นักลงทุนรับข่าวผลการดำเนินงานบริษัทเทคโนโลยีไปแล้ว และตลาดอยู่ในภาวะไม่มีแรงหนุนให้ปรับตัวขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนเริ่มหันมาประเมินภาพรวมเศรษฐกิจ

กระทรวงพาณิชย์รายงาน การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 4.2% จากลดลง 1.0% ในเดือนกุมภาพันธ์ และ สูงกว่า 4.1% ที่นักวิเคราะห์คาด รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 21.2% จากที่ลดลง 7.0% ในเดือนกุมภาพันธ์ และสูงกว่า 20.3% ที่นักวิเคราะห์คาด

ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 0.5% และเพิ่มขึ้น 2.3% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.4% และเพิ่มขึ้น 1.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 88.3 สูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐในเดือนมีนาคม 2020 และสูงกว่า 87.0 ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงแรงงานรายงาน ดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (ECI)ไตรมาส 1 เพิ่มขึ้น 0.9% จากไตรมาสก่อนหน้า และสูงกว่า 0.7% ที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเหมืองแร่ที่ลดลง1.8% หลังการรายงานภาวะเศรษฐกิจไตรมาสแรก โดย GDP ติดลบ 0.6% ต่อเนื่องจาก -0.7% ในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน ซึ่งสะท้อนว่าถดถอยทางเทคนิคเพราะหดตัวติดต่อกันสองไตรมาส

ในเยอรมนี GDP ติดลบ 1.7% ซึ่งลดลงมากว่าที่คาด

หุ้นบาร์เคลย์แบงก์ในอังกฤษลดลง 7% แม้กำไรไตรมาสแรกดีกว่าคาด

หุ้นบีเอ็นพี พาริบาร์ ลดลง 1% แม้กำไรดีกว่าคาด

หุ้นแอสตราเซเนก้าเพิ่มขึ้นกว่า 4% จากยอดขายวัคซีนโควิด 275 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 437.39 จุด ลดลง 1.38 จุด, -0.31%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,969.81 จุด เพิ่มขึ้น 8.33 จุด, +0.12%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,269.48 จุด ลดลง 33.09 จุด, -0.53%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,135.91 จุด ลดลง 18.29 จุด, -0.12%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.43 ดอลลาร์ หรือ 2.34% ปิดที่ 63.58ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 202 ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 67.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล