• ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งล่าสุดสหรัฐฯ และยุโรปมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนถึง 42.67% และ 20.26% ของจำนวนประชากรทั้งหมดตามลำดับ หนุนให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีขึ้น อีกทั้งผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เบ้ืองต้นมีผลประกอบการที่ดีนอกจากนี้ ปธน.Joe Biden เผยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาวก้อนที่สองวงเงิน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (American Families Plan) ซึ่งเน้นโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาและการดูแลเด็ก โดยจะใช้งบประมาณจากแผนการปรับขึ้นภาษีกับผู้มีรายได้สูง
• ดัชนี Composite PMI เบื้องต้นเดือน เม.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกประเทศหลัก โดยสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น +2.5 จุด เป็น 62.2 จุด ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากภาคบริการปรับตัวได้รับอานิสงส์มาจากอุปสงค์ของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งและการที่ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินตามปกติหลังการแจกจ่ายวัคซีนแพร่หลายมากข้ึน ส่วนดัชนียูโรโซนปรับตัวเพิ่มข้ึนอีก +0.5 จุด เป็นระดับ 53.7 จุด จากภาคการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับดัชนีรวมญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มข้ึน +0.3 จุด เป็น 50.2 จุด พลิกกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน จากผลผลิตและยอดค าสั่งซื้อใหม่ทั้งภายในและภายนอกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี จากการทยอยฟื้นตัวของอุปสงค์โลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน
• ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงนโยบายตามเดิม โดยคณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Federal Funds Rate ไว้ที่ระดับต่ำ 0-0.25% อยู่ อีกทั้งด้านการเข้าซื้อสินทรัพย์ FED ยังคงระบุเช่นเดิมว่า จะเข้าซื้อสินทรัพย์ที่อัตราปัจจุบัน 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือนเป็นอย่างน้อย ซึ่ง Fed มองว่า เศรษฐกิจแข็งแกร่งข้ึน แต่ระบุยังไม่ถึงเวลาลดการผ่อนคลายนโยบาย
• ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ไตรมาส 1 ขยายตัวแข็งแกร่ง โดยตัวเลขปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 6.4% QoQ เร่งตัวขึ้นจาก 4.3%QoQ ในไตรมาสก่อน นำโดยการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนจากแรงหนุนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐที่มีการแจกเช็คเงินสดในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2563 และกลางเดือน มี.ค.2564 อีกทั้งแรงหนุนจากการแจกจ่ายวัคซีนที่รวดเร็ว รวมทั้งตลาดแรงงานที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น
• ปรับคำแนะนำจากคงน้ำหนักการลงทุนเป็นเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในน้ำมัน จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินเริ่มกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง อีกทั้งได้รับอานิสงส์จากการเร่งฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วที่ทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้มากขึ้น ขณะที่อุปทานน้ำมันในสหรัฐฯ จะยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ
กลยุทธ์การลงทุน
ตลาดตราสารทุน
ตลาดหุ้นไทย : แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน”
ตลาดหุ้นเกาหลี : แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน”
ตลาดหุ้นจีน
: แนะนำ "เพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นจีน H-Shares"
และ คงน้ำหนักการลงทุนหุ้นจีน A-Shares
ตลาดหุ้นยุโรป : แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน”
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
: แนะนำ "เพิ่มน้ำหนักการลงทุน"
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น : แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน”
ตลาดตราสารหนี้
ตราสารหนี้ไทย : แนะนำ “คงการลงทุนใน”
ตราสารหนี้ต่างประเทศ : แนะนำ “ลงทุนใน SCBFIN และ SCBUSHY”
สินทรัพย์ทางเลือก
ทองคำ : แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน”
น้ำมัน
: ปรับคำแนะนำ จาก “คงน้ำหนักการลงทุน” เป็น "เพิ่มน้ำหนักการลงทุน"
อสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน
: แนะนำ "เพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน SCBPIN"