HoonSmart.com>> “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” ไตรมาส 1/64 กำไรสุทธิ 91 ล้านบาท วูบกว่า 88% จากงวดปีก่อน รายได้รวม 2,679 ล้านบาท ลดลง 35.3% ผู้ป่วยชาวต่างชาติหด เทียบไตรมาส 4/63 รายได้รวมลด 9.1%
บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2564 กำไรสุทธิลดลงเหลือเพียง 91.13 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.11 บาท เติบโต ลดลง 88.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 765.20 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.03 บาท
บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,679 ล้านบาท ลดลง 35.3% จาก 4,137 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2563 อัตรากำไรสุทธิลดเหลือ 3.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 18.5%
แม้จะมีจํานวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงกลางเดือนธ.ค.2563 และต่อเนื่องมาถึงปี 2564 การเติบโตในธุรกิจของกลุ่มลูกต้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่พํานักในไทยยังคงเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว แต่ข้อจำกัดที่มีอย่างต่อเนื่องในการเดินทางและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ก็ยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติของบริษัท โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับฐานที่สูงในช่วงครึ่งแรกของไตรมาส 1 ปี 2563 ซึ่งสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อการดําเนินงานของบริษัทเพียงเล็กน้อย รายได้รวมในไตรมาส 1 ปี 2564 ลดลง 9.1% จากไตรมาส 4 ปี 2563
ในไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลจํานวน 2,642 ล้านบาท ลดลง 35.4% จาก 4,090 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2563 โดยหลักเป็นผลจากการลดลงของรายได้จากกล่มผู้ป่วยชาวต่างประเทศ 54.4% หักกลบกับการเพิ่มขึ้นจากรายได้กลุ่มผู้ป่วยชาวไทย 0.5% เป็นผลให้รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน 53.9% จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกล่มผูู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น 46.1% ในไตรมาส 1 ปี 2564 เทียบกับ 34.6% และ 65.4% ตามลําดับในไตรมาส 1 ปี 2563
ด้านต้นทุนกิจการโรงพยาบาล (รวมค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย) จํานวน 1,748 ล้านบาท ลดลง 23.9% จาก 2,297 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2563
กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทลดลง 66.9% เป็น 410 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2564 จาก 1,238 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2563 และอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) คิดเป็น 15.3% ในไตรมาส 1 ปี 2563 เทียบกับ 29.9% ในไตรมาส 1 ปี 2563
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบไตรมาส 4 ปี 2563 บริษัทมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลลดลง 9.4% เป็นผลจากการลดลงของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างประเทศและกลุ่มผู้ป่วยชาวไทย 4.9% และ 12.9% ตามลําดับ เป็นผลให้รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน 53.9% จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกลมผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น 46.1% ในไตรมาส 1 ปี 2564 จาก 56.1% และ 43.9% ตามลําดับ ในไตรมาส 4 ปี 2563