HoonSmart.com>> AEONTS งวดปี 63 กำไรสุทธิ 3,690 ล้านบาท ลดลง 7% จากงวดปีก่อน ตั้งสำรองเพิ่มในไตรมาส 1/63 รับมือ COVID-19 เฉพาะงวดไตรมาส 4/63 กำไร 1,184 ล้านบาท เติบโต 12% รายได้หนี้สูญรับคืน ด้าน NPL เพิ่มขึ้นแตะ 5.24% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 3.7% บอร์ดเคาะปันผลระหว่างกาลอัตรา 2.65 บาท XD 12 พ.ค.นี้
บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) หรือ AEONTS เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 28 ก.พ.2564 กำไรสุทธิ 3,689.64 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 14.76 บาท ลดลง 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 3,975.36 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 15.90 บาท
งวดไตรมาส 4/2563 บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานรวม 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121 ล้านบาท หรือ 9% จากปีก่อน และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 1,184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128 ล้านบาท หรือ 12% จากปีก่อน และ 17% จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้หนี้สูญรับคืนและคุมค่าใช้จายอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับปี 2563 บริษัฯ มีรายได้จากงบการเงินรวม 21,302 ล้านบาท ลดลง 1,999 ล้านบาท หรือ 9% จากปีก่อน โดยไตรมาส 4/2563 มีรายได้รวม 5,005 ล้านบาท ลดลง 19% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ประกอบกับหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นภายใต้เศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดอัตราดอกบี้ยเครดิตลงจาก 18% เหลือ 16% ต่อปี และลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลลงจาก 28% เหลือ 25% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2563 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นและรายการส่งเสริมการขายในช่วงปีใหม่ ทำให้มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่เพิ่มจากการบริโภคภายในประเทศ เช่น การซื้อสินค้าผ่านทงซุปเปอร์มาร์เก็ต และบริษัทฯ ยังมีรายได้อื่นจากหนี้สูญรับคืนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 18% จากปีก่อน และรายได้จากบริษัทย่อยในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน
สำหรับปีบัญชี 2563 บริษัทฯ มีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 6,210 ล้านบาท ลดลง 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับไตรมาส 4/2563 บริษัทฯ มีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 883 ล้านบาท ลดลง 53% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและ 34% จากไตรมาสก่อน คิดเป็นอัตรา Net Credit Cost ที่ 5.6% ลดลงจาก 6.6% ในไตรมาสที่ 3/2563
ณ วันที่ 28 ก.พ.2564 บริษัทฯ และบริษัทย่อยได้ตั้งสำรองค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 11,593 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 13.3% ของยอดลูกหนี้การค้ารวม เพิ่มขึ้นจาก 3,962 ล้านบาท หรือ 4.39% ของยอดลูกหนี้การค้ารวม ณ สิ้นปีบัญชีก่อน เนื่องจากเป็นไปตามโมเดลการตั้งสำรองตามมาตรฐานรายงานทางการเงินใหม่ ฉบับที่ 9 (TFRS 9) โดยคำนวณจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต (Expect Credit Loss) และปัจจัยความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ ลูกหนี้การค้าที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน คิดเป็น 5.24% เพิ่มขึ้นจาก 3.70% จากสิ้นปีก่อน หากพิจารณาจากการด้อยค้าทางด้านเครดิต (ECL) ตาม IFR9 บริษัทฯ มี NPL 5.77% ของลูกหนี้การค้ารวม เป็นผลมาจากลูกค้าบางส่วนได้รับการผ่อนผันพักชำระหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศและการปล่อยสินเชื่อใหม่ลดลง เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ระลอกที่ 2 ในเดือนม.ค.-ก.พ.2564 ทั้งนี้ อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนจากการด้อยค่าต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทฯ (NPL Coverage ratio) ในไตรมำสที่ 4/2563 อยู่ที่ 230% ของงบกำรเงินรวม
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลในอัตรา 2.65 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 13 พ.ค. 2564 ขึ้น XD วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล 12 พ.ค. 2564 และจ่ายปันผล 20 ก.ค.2564 โดยเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ 24 มิ.ย.2564
ทั้งนี้ เงินปันผลดังกล่าวเป็นการจ่ายเพิ่มให้จากเงินปันผลระหว่างกาล ที่บริษัทฯ ได้จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2563 ในอัตราหุ้นละ 1.85 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งปีเท่ากับ 4.50 บาท คิดเป็นอัตรา 30.5% ของกำไรสุทธิ