MFC : มองหุ้น “Slow and Steady”

จากสถิติในอดีต ผลตอบแทนของตลาดหุ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงไตรมาสที่ 3 ยังคงมีผลตอบแทนเป็นบวกแต่ไม่โดดเด่นและมีความร้อนแรงน้อยกว่าในเดือนอื่น ๆ จาก ภาพที่ 1 เป็น รูปที่แสดงถึงอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อเดือนของดัชนี S&P500 และสัดส่วนผลตอบแทนที่มีผลตอบแทนเป็นบวกในช่วงเวลาแต่ละเดือน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 พบว่าในเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกันยายนยังคงมีผลตอบแทนเป็นบวกแต่ไม่ร้อนแรง และอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อเดือนที่ไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนอื่น ๆ ในระยะสั้นนักลงทุนควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง สำหรับระยะยาว นักลงทุนสามารถทยอยลงทุนได้ เนื่องจากราคายังไม่ปรับตัวสูงมากนัก

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่ามีแผนการที่จะปรับขึ้นอัตราภาษี Capital gain เป็น 43.4% (อัตราภาษีสูงสุด) จากที่ปัจจุบันเก็บที่ 20% สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจากการศึกษาข้อมูลในอดีต พบว่า เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนจะปรับอัตราภาษี Capital gain เพิ่มขึ้น ดัชนี S&P500 มักจะปรับตัวลดลงในช่วงระยะเวลา 6 เดือน ก่อนจะมีการปรับอัตราภาษีขึ้นจริง และเมื่อมีการปรับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นแล้ว ตลาดหุ้นมีโอกาสทำผลตอบแทนได้ดีในช่วงระยะเวลา 6 เดือนต่อมา

นอกจากนี้ ปริมาณเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเริ่มชะลอตัวลงในเดือนเมษายน ซึ่งอาจจะลดความร้อนแรงของตลาดหุ้นลงในช่วงระยะเวลานี้ จากที่เคยเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามภาพรวมของตลาดหุ้นในระยะยาวยังคงดีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นตลาดหุ้นที่มีศักยภาพและมีบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง รวมถึงยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเฟด

Recommended Funds

MRENEW: พลังงานทางเลือกและธุรกิจที่เกี่ยวข้องยังคงได้รับประโยชน์โดยตรงจากการอัดฉีดเม็ดเงินจากรัฐบาลต่าง ๆ เพื่อลงทุนในพลังงานสะอาด ซึ่งจะเป็น Mega Trend ที่เติบโตสูงต่อไปอีกอย่างน้อย 10 ปี หลังจากหุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือกมีการปรับฐานมาเป็นระยะเวลา 2 เดือน เรามองว่าเป็นจังหวะลงทุนสะสมเพิ่มเติม

MGF: กองทุนหุ้นทั่วโลก เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตคุณภาพดี (Quality Growth Stock) ซึ่งให้ผลตอบแทนดีและฟื้นตัวจากความผันผวนได้ดี กองทุนคัดสรรเลือกหุ้นคุณภาพที่เติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์ Environment Social Governance (ESG) การปรับฐานของหุ้นเติบโตในระยะสั้นจึงเป็นโอกาสทยอยลงทุนสะสม

M-MIDSMALL: กองทุนหุ้นไทยที่มีผลตอบแทนโดดเด่นชนะดัชนี SET TRI ในปีที่ผ่านมา การเติบโตของหุ้นขนาดกลางและเล็กทั่วโลกผนวกกับการเลือกหุ้นที่ยอดเยี่ยม ทำให้กองทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย

M-FOCUS: กองทุนหุ้นไทยที่บริหารพอร์ตการลงทุนแบบ Active ผู้จัดการกองทุนมีความเชี่ยวชาญในการคัดสรรหุ้นโดยมุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงและมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน กองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30 บริษัท โดยตั้งแต่ต้นปีสร้างผลตอบแทน +22.47% ขณะที่ SET TRI Index ปรับขึ้น +9.11%

MEURO: ตลาดหุ้นยุโรปยังเป็นตลาดที่ Laggard อยู่และมีมูลค่า (Valuation) ที่ค่อนข้างถูก ตลาดหุ้นยุโรปยังมีศักยภาพในการเติบโตที่ดี โดยคาดว่าในปี 2564 Earning Growth จะเติบโตมากที่สุดในโลก รวมถึงยุโรปสามารถควบคุมโควิด19 ได้ดีขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นยุโรป แนะนำลงทุนระยะยาว