กอดหุ้นเรือ-เหล็ก-ปิโตร-การเงิน กำไรโตยาว มีลุ้นเซอร์ไพรส์

HoonSmart.com>>หุ้นร่วง 11 จุด ไปคนละทางกับกลุ่มเดินเรือ ดัชนี BDI พุ่งขึ้นสูงสุดตั้งแต่ปี 2553  กลุ่มเหล็กแรงต่อ  กลุ่มปิโตรเคมี นำโดย SCC กำไรสุดหรู  ส่วนกลุ่มลิสซิ่ง ผลงานยังไปได้ดี ขาย SAWAD ผิดหวังผลงาน BFIT ผสมราคาขึ้นมาสูง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ 9 แบงก์ กำไรดีจากสำรองหนี้-รายจ่ายลด ธุรกิจยังไม่ฟื้นกลับมาปกติ ลุ้นโควิดลากยาวแค่ไหน 

ภาวะตลาดมีความผันผวนท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงและหุ้นหลายตัวราคาก็ไม่ถูกแล้ว นักลงทุนสถาบันไทยและต่างประเทศ พร้อมขายทำกำไรทุกเมื่อ ตามความกังวลสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดในวงกว้าง กดดันการเติบโตของเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์แนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ เน้นกลุ่มที่มีกำไรสูง ทั้งในไตรมาสแรก และต่อเนื่องในปี 2564  ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ยกหุ้นกลุ่มเดินเรือ แม้ราคาปรับตัวขึ้นมามากแล้ว แต่ดัชนี Baltic Dry Index (ดัชนี BDI) ยังปรับขึ้นแรงต่อ +9.7% สู่ระดับ 2710 (ระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2553) ราคาเหล็กที่ปรับตัวขึ้นสูงเช่นเดียวกัน กลุ่มปิโตรเคมี คาดมีกำไรที่ดีมาก ไตรมาส 1 ปีนี้ บางบริษัทสามารถพลิกขาดทุนมามีกำไรได้ เช่น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล( PTTGC) และบริษัทปูนซิเมนต์ไทย (SCC) จะมีกำไรสูง แต่จะออกมาเท่าไร บริษัทนัดเปิดเผยข้อมูลในวันที่ 27 เม.ย.นี้

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า ดัชนี BDI ปรับขึ้นสู่ 2,710 จุด เพิ่มขึ้น 9.63% ส่วนเรือขนาดเล็ก ค่าระวางปรับขึ้นน้อยกว่า ทั้ง Supramax (+2.71%) และ Handymax (+1.89%) แม้เรือของ TTA และ PSL จะอยู่ในกลุ่มเรือเล็ก แต่คาดจะได้อานิสงส์จากทิศทางค่าระวางเป็นขาขึ้น

บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดปีนี้กลุ่มเรือจะมีกำไรเทิร์นอะราวด์ จากภาพอุตสาหกรรมที่ดี

บล.บัวหลวงแนะหุ้นปิโตรเคมีและบริการทางการเงิน คาดกำไรเซอร์ไพรส์

อย่างไรก็ตาม หุ้นบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ไหลลงแรง และปิดที่ระดับต่ำสุดที่ 83.50 บาท รูดลง 4.75 บาทหรือ -5.38% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 3,795 ล้านบาท หลังจากบริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ (BFIT) เปิดกำไรสุทธิ  303.96 ล้านบาทในไตรมาสแรกปีนี้ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  371.55 ล้านบาท จากที่ผ่านมามีการเก็งกำไรกันสูงมาก

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะเก็งกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางและเล็ก วันนี้แนะนำสะสมหุ้น BGRIM เป้าหมาย 45.50 บาท ILM  เป้า 15 บาทและแนะเก็งกำไร III เป้า 8 บาท

ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ผลงาน 9 ธนาคาร พบว่าไตรมาส 1/2564 มีกำไรสุทธิ 46,071 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2563 ที่มีกำไรสุทธิ 31,259 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของการตั้งสำรองฯ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเป็นสำคัญ ขณะที่รายได้จากธุรกิจหลักยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ

ทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า หากสถานการณ์โควิด 19 รอบสามยืดเยื้อและกินเวลาหลายเดือน จะเป็นตัวแปรสำคัญ  โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ สินเชื่อ ซึ่งเป็นรายได้หลักและ กลไก/มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต้องเร่งปรับให้ตรงจุดเหมาะสม แม้จะมีมาตรการผ่อนปรนการจัดชั้นหนี้ แต่สถาบันการเงินก็คงจะกลับมายกการ์ดสูงสำหรับแนวทางการตั้งสำรองฯ และอาจต้องเพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้เพิ่มมากขึ้นด้วย

ด้านตลาดหุ้นไทยวันที่ 22 เม.ย. 2564 ปรับตัวลงสวนทางตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาค เจอแรงขายหุ้นในช่วงบ่าย กดดันดัชนีไหลลงปิดที่ระดับ 1,568.21 จุด รูดลง -11.80 จุดหรือ-0.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 93,329.27 ล้านบาท สถาบันไทยขายมากถึง 2,578.76 ล้านบาท ต่างชาติขายด้วย 1,600.57 ล้านบาท พอร์ตบล.ตาม 347.24 ล้านบาท ด้านนักลงทุนไทยซื้อเจ้าเดียว 4,526.57 ล้านบาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ระดับ 1,565 จุด คาดว่าในวันที่ 23 เม.ย. ดัชนีมีโอกาสรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ ประเมินกรอบเคลื่อนไหวที่ 1,565-1,575 จุด

กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่กำไรไตรมาส 1/2564 จะออกมาดี แนะนำ AP ,NER และ STI ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม คือตัวเลขส่งออกและนำเข้าของไทย