ASPS มองหุ้นขึ้นต่อ จ่อเพิ่มเป้ากำไรบจ. ปี 64

HoonSmart.com>> บล.เอเซีย พลัส มองไตรมาส 2 หุ้นไทยยังบวก โควิด-19 รอบใหม่กระทบจำกัด จ่อปรับเป้ากำไรบจ. ขึ้น กำไรแบงก์ดีกว่าคาด ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูง  กลยุทธ์ลงทุนเลือกหุ้นราคาดี-ปัจจัยบวกเฉพาะตัว-ได้ประโยชน์เกณฑ์ Free Float ใหม่ ชอบ BBL-BDMS-STEC-SCC-SPALI-BLA  ตัวเล็กแนะ AS 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในไตรมาส 2/2564 ยังเป็นมุมมองบวก มีโอกาสปรับขึ้นได้ จากปัจจัยสภาพคล่องส่วนเกินที่อยู่ในระดับสูง ปัจจุบันที่มีเงินฝากอยู่ในระบบประมาณ 15.72 ล้านล้านบาท และเริ่มเห็นสัญญาณการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เห็นได้จากการเปิดบัญชีใหม่ ในเดือน ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา มียอดเปิดบัญชีใหม่ถึง 2.7 แสนบัญชี สูงกว่า 8 เท่าของการเปิดบัญชีใหม่ต่อเดือนในอดีต ถึงแม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวจะปรับตัวขึ้นเร็ว แต่ผลตอบแทนระยะสั้นยังใกล้เคียงกับดอกเบี้ยนโยบายมานานกว่า 8 เดือน ทำให้นักลงทุนเริ่มมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

ทั้งนี้ถึงแม้ว่าการเกิดโควิด-19 รอบใหม่ โดยเฉพาะในเดือนเม.ย.2564 ที่มีการแพร่กระจายที่รวดเร็ว และมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่มองว่าผลกระทบรอบนี้มีอย่างจำกัด เนื่องจากโครงสร้างกำไรหลักของตลาดหุ้นหนึ่งในสามมาจากสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) และอีก 20% มาจากกลุ่มธนาคาร อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น โดยทุกๆการปรับขึ้น 5 เหรียญต่อบาร์เรล จะทำให้กำไรบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอีก 10,000 ล้านบาท หรือ 1 บาทต่อหุ้น ซึ่งปี 2564 คาดกาณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนที่ 7.96 แสนล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น (EPS) 70.20 บาทต่อหุ้น เป้าหมายดัชนีปีนี้ที่ 1,670 จุด บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบที่ 50 เหรียญต่อบาร์เรล ปัจจุบันราคามันดิบอยู่ที่ประมาณ 62 เหรียญต่อบาร์เรล คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้ที่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 20,000 ล้านบาท โดยบล.เอเซีย พลัส คาดว่าปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอีกในช่วงหลังการรายงบไตรมาส 1/2564 แล้วเสร็จ

“เราเริ่มเห็นสัญญาณการปรับประมาณการกำไร บจ. ขึ้นแล้ว หลังจากเห็นกลุ่มแบงก์รายงานกำไรไตรมาส 1 ดีกว่าที่คาด แนวโน้มกำไรบจ.อาจจะออกมาดีกว่าคาด ทำให้มีโอกาสจะปรับกำไรขึ้นได้อีก จากที่ฟื้นตัวเด่นถึง 32% ซึ่งช่วงเดือนหน้าจะเป็นช่วงรายงานงบไตรมาส 1/2564 และเราจะเริ่มปรับประมาณการขึ้น จากภาพที่ตลาดหุ้นเรายังมีโอกาสปรับขึ้น มากกว่าปรับลด ” นายเทิดศักดิ์ กล่าว

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่เรื่องความล่าช้าของวัคซีนโควิด-19 ที่กระทบต่อภาคการท่องเที่ยว คาดว่ามีผลต่อผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) แต่ไม่มาก อาจจะกดดัน GDP ให้ลดลงเหลือประมาณ 2% ซึ่งทั้งปี 2564 มองไว้ที่ 2.6% ด้านความเสี่ยงอื่นๆที่ต้องติดตามคือ การแพร่ของโควิด-19 ปัญหาภัยแล้ง และสงครามการค้า ซึ่งตั้งแต่โต ไบเดน เข้ามารับตำแหน่งยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงไตรมาส 2/2564 แนะนำลงทุนในหุ้นมีมูลค่าราคาหุ้น (Valuation) ดี และมีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว รวมถึงได้ประโยชน์หากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปลี่ยนวิธีคำนวณดัชนีเป็นแบบ Free Float Adjusted Market Cap โดยแนะนำ BBL ,BDMS ,STEC ,SCC ,SPALI และBLA ส่วนหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ไม่ใหญ่ แต่มีการเติบโตของกำไรที่ดี แนะนำ AS

” หุ้นในเดือนเม.ย. มักจะมีแรงเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นปันผลเสมอ มองว่าตลาดมีโอกาส Outperform ได้ตามสถิติในอดีต ย้อนหลัง 10 ปี  ดัชนีเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงสุดเมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆที่ 3.1% ” นายเทิดศักดิ์กล่าว