ดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 160 จุด รับผลดำเนินงาน-ข้อมูลเศรษฐกิจแกร่ง

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 160 จุด รับผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง สัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นยุโรปทำนิวไฮ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 16 เมษายน 2564 ปิดที่ 34,200.67 จุด เพิ่มขึ้น 164.68 จุด หรือ 0.48% ด้วยแรงซื้อที่ต่อเนื่องจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทชั้นนำและจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่เป็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,185.47 จุด เพิ่มขึ้น 15.05 จุด, +0.36%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,052.34 จุด เพิ่มขึ้น 13.58 จุด, +0.10%

ดัชนี DJIA และดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สี่ ส่วนดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สาม

มอร์แกน สแตนเล่ย์เป็นธนาคารใหญ่รายที่ 6 ที่รายงานผลประกอบการดีกว่าคาด แต่ราคาหุ้นลดลง 2.8% ด้านหุ้น PNC Financial เพิ่มขึ้น 2% หลังกำไรไตรมาสแรกดีกว่าคาด

นักวิเคราะห์จาก Commonwealth Financial Network ระบุว่า การที่ดัชนี DJIA ยืนเหนือระดับ 34,000 จุดเป็นสัญญาณว่าความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการเติบโตในอนาคตของนักลงทุนมีผลต่อเนื่องไปยังหุ้นคุณค่า และความต้องการเกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมและภาคที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรการฟื้นตัวจะยังคงต่อเนื่อง เพราะการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้าและผลการดำเนินงานดีกว่าคาด

นอกจากนี้ความเชื่อมั่นของตลาดในสัปดาห์นี้ยังมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและสะท้อนถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค และตลาดแรงงาน

มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 86.5 ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี จาก 84.9 ในเดือนมีนาคม

กระทรวงพาณิชย์รายงาน การเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 19.4% มาที่ 1.739 ล้านยูนิต ซึ่งสูงกว่า 1.613 ล้านยูนิตที่นักวิเคราะห์คาด และยังสูงสุดในรอบเกือบ 15 ปี

เงินเฟ้อคาดการณ์ระยะ 1 ปีเพิ่มขึ้นจาก 3.1% เป็น 3.7% สูงสุดในรอบเกือบทศวรรษ แต่เงินเฟ้อคาดการณ์ระยะ 5-10 ปีลดลงจาก 2.8% เป็น 2.7%

นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลาง (เฟด) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซีเอ็นบีซีกล่าวว่า เศรษฐกิจเริ่มขยายตัว และไม่มีเหตุผลที่จะปรับนโยบายการเงินให้ตึงตัว แต่ยังต้องทำอีกมาก อย่างไรก็ตามคนเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าจะควบคุมการระบาดได้ซึ่งสะท้อนออกมาในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ข้อมูล GDP ช่วง 3 เดือนแรกของที่ขยายตัว 18.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่หนุนตลาด

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและปิดที่นิวไฮอีกครั้ง นำโดยกลุ่มยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น 2.1% จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเดมเลอร์ ขณะที่นักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

เดมเลอร์เพิ่มขึ้น 2.7% จากกำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นมีจำนวน 5 พันล้านยูโร จาก 719 ล้านยูโรช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 442.49 จุด เพิ่มขึ้น 3.94 จุด หรือ +0.90% เป็นการปรับขึ้นติดต่อกันสัปดาห์ที่ 7 ต่อเนื่องนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2018

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,019.53 จุด เพิ่มขึ้น 36.03 จุด, +0.52%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,287.07 จุด เพิ่มขึ้น 52.93 จุด, +0.85%

ดัชนี DAX ปิดที่ ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,459.75 จุด เพิ่มขึ้น 204.42 จุด, +1.34%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 33 เซนต์ ปิดที่ 63.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 66.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล