ASPS คงเป้าหุ้นสิ้นปี 1,670 จุดคาดมาตรการคุมโควิดรอบใหม่กระทบศก.-กำไรบจ.จำกัด

HoonSmart.com>> บล.เอเซีย พลัส ประเมิน “มาตรการคุมโควิดระบาดรอบใหม่” กระทบเศรษฐกิจไทย กำไรบริษัทจดทะเบียนจำกัด เหตุมาตรการเข้มน้อยกว่าอดีต คงเป้าดัชนีสิ้นปี 1,670 จุด ระยะสั้นเผชิญความผันผวน ชี้จังหวะสะสมหุ้นพื้นฐานแกร่ง รอรับหรือทยอยซื้อหุ้นบริเวณ 1,530 จุด แนะหุ้น PTTEP-SCC-SPVI

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS) ประเมินว่ามาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดขึ้นอีกครั้ง จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจำกัด เพราะมาตรการปัจจุบันมีความเข้มงวดน้อยกว่ามาตรการควบคุมในช่วงไตรมาส 2/63 อย่างเห็นได้ชัด เช่น ไม่มีการปิดร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า, ไม่มีการระงับการเดินทางข้ามจังหวัด และไม่มีการห้ามออกนอกเคหสถาน (Curfew) ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ วันนี้ ศบค. ชุดใหญ่ว่าจะมีมาตรการควบคุมเพิ่มเติมอย่างไร ภายหลัง ศบค. ชุดเล็กเสนอให้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 สี ได้แก่ สีแดง 18 จังหวัด และสีส้ม 59 จังหวัด

มาตรการในพื้นที่สีแดง คือ ร้านอาหารเปิดได้ถึง 21.00 ส่วนร้านอาหารในพื้นที่สีส้มจะเปิดได้ถึง 23.00 ส่วนมาตรการอื่นที่ทั้งพื้นที่ต้องปฏิบัติเหมือนกัน คือ งดการเรียนการสอน, ปิดสถานบันเทิง, ห้ามจำหน่ายสุราในร้านอาหาร, งดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนมากกว่า 50 คน เป็นต้น

บล.เอเซีย พลัส มองว่าจากความแตกต่างของมาตรการ จึงเชื่อว่าการระบาดในครั้งนี้ จะสร้าง Downside ต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ไม่มากนัก (Consensus คาดจะขยายตัวอยู่ในช่วง 2.5-3% และ ASPS คาด 2.6%) และเชื่อว่า GDP ไทยน่าจะไม่กลับไปหตัวถึง -12.1% yoy เหมือนในงวดไตรมาส 2/63 ที่ผ่านมา หนุนให้เศรษฐกิจไทยยังคงผ่านจุดต่ำสุด (Bottomed Out) มาแล้ว

นอกจากนี้มองว่าช่วงเวลา Lockdown แม้จะทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจหยุดฉะงักชั่วคราว แต่อาจเป็นเวลาดีในการสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง จากข้อมูลเชิงเปรียบดเทียบทั้งที่ไทยและอังกฤษดังนี้

1. ช่วงอังกฤษใช้เวลา Lockdown ประมาณ 1 เดือน ผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมีนัยฯ จาก 3.3 หมื่นรายต่อวัน เหลือ 1 หมื่นรายต่อวัน ขณะที่ตลาดหุ้นไม่ได้ตอบสนองเชิงลบเลย

2. ช่วงที่ไทยมีการ Lockdown ความกังวลจะทำให้เกิดความผันผวนในช่วงสั้น แต่ตลาดหุ้นกลับทยอยฟื้นได้ดีในระยะถัดไป

บล.เอเซียพลัส ยังมองว่า แม้การ Lockdown จะทำให้เกิด Downside ต่อกำไรบริษัทจดทะเบียน แต่ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลกระทบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนคาดว่าค่อนข้างจะจำกัดพอสมควร ดังนี้

1. กลุ่มอุตสาหกรรมรวมที่ได้รับผลกระทบหนักจนขาดทุนจากการล็อคดาวน์ในงวดไตรมาส 2/63 มีสัดส่วนราว 4% ของกำไรทั้งหมดในภาวะปกติ อาทิ ยานยนต์, ท่องเที่ยว, สื่อและสิ่งพิมพ์, ขนส่งทางอากาศ เป็นต้น อีกทั้งระดับการ Lockdown ในครั้งนี้น่าจะเข้มข้นน้อยกว่าครั้งที่แล้ว

2. มีกลุ่มหุ้นใหญ่ที่ได้รับผลกระทบต่อกำไรจำกัด เริ่มจากหุ้น Community ที่มีสัดส่วนกำไรมากสุดถึง 1 ใน 3 ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวขึ้นมาถึง 140% ในช่วง 1 ปี ตามมาด้วยหุ้นกลุ่ม ธ.พ. มีสัดส่วนราว 10% เชื่อว่าการตั้งสำรองในปี 63 ถือว่าอยู่ในระดับสูงมาก และน่าจะเพียงพอต่อการรับมือกับผลกระทบได้พอสมควร

3. ฝ่ายวิจัย ASPS ประเมิน EPS64F ที่ 70.2 บาท/หุ้น ถือว่า Conservative มาก เมื่อเทียบกับ Consensus ที่ 79. 6 บาท/หุ้น ทำให้การประเมินดัชนีเป้ามายปี 2564 ที่ 1,670 จุด ยังเป็นไปได้อยู่ แม้ในระยะสั้นอาจจะเผชิญกับภาวะความผันผวนบ้าง

“กลยุทธ์แนะนำนักลงทุนรอรับหรือทยอยซื้อหุ้น แนวรับแรกที่ 1,530 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,500 จุด ส่วนหุ้น Top pick เลือก ที่ได้รับผลกระทบ COVID-19 จำกัด และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว PTTEP ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันขึ้นแรงในช่วงวันหยุดเกือบ 7%, SCC ได้แรงหนุนจากราคาปิโตรยืนระดับสูง, SPVI ได้แรงหนุนจากการ Learn from Home”บล.เอเซีย พลัส แนะนำ
 
 
อ่านข่าว

‘เอเซีย พลัส’ แนะ 5 หุ้นหลบโควิดฉุดดัชนีผันผวน “หยวนต้า” ชู 10 หุ้นแกร่ง