ลุ้น 1500 จุด รับโควิดระลอกใหม่ ตปท.ดอดซื้อหุ้น-บอนด์ 7 พันลบ.

HoonSmart.com>>สถาบันไทยเทกระจาดหุ้นอีก 5 พันล้าน กดดัชนีร่วง 1.46% ต่างชาติเก็บ 2,722 ล้านบาท ซื้อตราสารหนี้ 4,442 ล้านบาท นักวิเคราะห์คาดโควิดระลอกใหม่กระทบหนัก บล.เมย์แบงก์ฯ มองมีโอกาสลงต่อ ป้วนเปี้ยนแถว 1,500 จุด บล.คิงส์ฟอร์ดฟันธงต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ในการประเมินผล บล.กรุงไทยซีมิโก้-ทิสโก้ให้แนวรับ 1,575 ตลาดมีมติเอกฉันท์ ซื้อ STGT ดันราคาพุ่ง หลีกเลี่ยงธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ท่องเที่ยว

วันที่ 7 เม.ย. 2564 หุ้นไทยถูกถล่มตั้งแต่เปิดตลาด ระหว่างวันมีแรงซื้อเข้ามา แต่สุดท้ายดิ่งลงแรง 23.10 จุด หรือ 1.46% ปิดที่ระดับเกือบต่ำสุด 1,556.56 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 107,774.43 ล้านบาท เกิดจากสถาบันทิ้งหนัก 5,019 ล้านบาทต่อเนื่องจากวันก่อนขาย 2,315 ล้านบาท  ส่วนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อ 2,722 ล้านบาท และซื้อตราสารหนี้ด้วย 4,442 ล้านบาท แต่ขายอนุพันธ์ 9,606 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาทปิดที่ 31.35บาทอ่อนค่าจากภาคเช้า

สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยร่วงสวนทางตลาดต่างประเทศ เกิดจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่รุนแรง วันนี้ยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 334 ราย  และความกังวลถึงสายพันธุ์ใหม่ที่มีการแพร่กระจายไปเร็ว รวมถึงกระแสข่าวนายกรัฐมนตรีเตรียมประกาศมาตรการเพิ่มเติมป้องกันโควิดเย็นนี้ เพิ่มความกังวลว่าจะมีการปิดสถานที่เพิ่มขึ้น และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเหลือ 2.6% จากเดือนม.ค.ที่ผ่านมาคาดโต 2.7% ขณะที่ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจโลก และของประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปรับฐานของตลาดหุ้นไทยรอบนี้ ตอบรับข่าวการติดเชื้อที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตลาดมีแนวโน้มจะปรับลดลงต่อ จนกว่าจะเห็นสัญญาณของผู้ติดเชื้อที่ลดลง หรือการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ คาดว่าดัชนีมีโอกาสเคลื่อนไหวบริเวณ 1,500 จุดบวกลบได้

“กรณีถ้าโควิด-19 คุมไม่อยู่ และภาครัฐประกาศล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ยังไงก็หลุด 1,500 จุด แต่หากไม่หลุดที่จุดต่ำสุดในช่วงก่อนบริเวณ 1,480 จุด ภาพรวมตลาดยังถือว่าดี มีช่องที่จะเล่นหุ้นได้เยอะขึ้น เพราะท้ายที่สุดแล้วเมื่อมีการกระจายวัคซีนที่ทั่วถึง และมีการเปิดประเทศ ภาพตลาดก็รีบาวด์กลับ” นายวิจิตร กล่าว

สำหรับคำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นในพอร์ต ให้ประเมินให้ดีว่าหุ้นมีผลประกอบการไตรมาส 1/64 สูงหรือไม่ ถ้าเติบโตดีมีโอกาสที่จะรีบาวด์กลับได้เร็ว ส่วนหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงคือกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว สำหรับหุ้นที่สามารถสะสมได้คือกลุ่มปิโตรเคมี แนะนำ IRPC และ IVL จากผลประกอบการคาดว่าจะเติบโตดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่รอจังหวะตลาดตอบรับข่าวร้ายให้หมดก่อนจะเข้าลงทุน

บล.คิงส์ฟอร์ดคาดดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงสู่แนวรับ 1,555 –1,567 จุด คาดต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ในการประเมินผลกระทบ แนะนำซื้อเก็งกำไร STGT ให้ราคาเป้าหมาย 52 บาท  และซื้อเก็งกำไร  STGT เป้าหมาย  54 บาท มองว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังคง Laggard คาดกำไรในปี 2564 เติบโตถึง 67%  อยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น Forward PER ต่ำเพียง 5 เท่า รวมถึงมีอัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ที่ 9.6%

บล.ทรีนีตี้ ประเมินโควิด-19 ระลอกใหม่ ศูนย์กลางเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ในระยะสั้นอาจต้องระวัง Sentiment เชิงลบที่อาจเกิดขึ้นกับหุ้นในกลุ่ม Reopening   โดยเฉพาะร้านอาหาร รวมถึงในกลุ่มอื่นๆ ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องการเปิดประเทศที่อาจทำได้ล่าช้าต่อไป เช่น โรงแรม โรงพยาบาล สายการบิน สนามบิน ขนส่งสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์และ REIT ต่างๆ ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในไทยตอนนี้ครอบคลุมประชากรเพียง 0.4%

ขณะเดียวกันแนะนำหุ้น STA และ STGT เป็นหุ้นเด่น เพราะมีหลายปัจจัยหนุน

บล.ทิสโก้คาดดัชนีแกว่งอิงแดนลบในกรอบ 1,575-1,601 จุด ถูกกดดันจากคลัสเตอร์ใหม่ที่ทองหล่อ และมูลค่าหุ้นไทยดูตึงตัว ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นลดความ
เสี่ยง ให้แนวรับ 1,570-1,575  จุด ทดสอบบริเวณนี้ มองมีโอกาสรีบาวด์ แนวต้าน 1590+/-  หากขึ้นทดสอบ 1,600 จุด หรือสูงกว่า แนะทยอยแบ่งขายล็อกกำไร

แนะใช้กรอบ  1,570-1,620 ในการเทรดดิ้งสั้น เน้นหุ้น Laggard มีสตอรี่เฉพาะตัวหนุน