HoonSmart.com>> “ทีพีไอ โพลีน” เตรียมเปิดขายหุ้นกู้ไม่เกิน 4,000 ล้านบาท อายุ 2 ปี 9 เดือน ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% ต่อปี เสนอขายนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป 27-29 เม.ย.64 ทริสเรทติ้ง “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” สะท้อนความมั่นคงทางธุรกิจ ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ระดับประเทศ
บริษัท ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) เสนอขายหุ้นกู้ TPIPL ครั้งที่ 2/2564 มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,000 ล้านบาท จำนวนหน่วยที่เสนอขายไม่เกิน 4 ล้านหน่วย อายุ 2 ปี 9 เดือน โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน โดยเริ่มชำระดอกเบี้ยงวดแรก 30 ก.ค.2564
บริษัทกำหนดเสนอขายหุ้นกู้ ให้แก่นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไป (Public Offering) ที่ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100 หน่วย โดยผู้ที่สนใจสามารถแสดงความจำนงซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 11 ราย กำหนดให้นักลงทุนชำระค่าจองซื้อในวันที่ 27-29 เม.ย.2564
หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2564 ที่อันดับ BBB+ และแนวโน้มอันดับเครดิต Stable ซึ่งอันดับเครดิตจะสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และมั่นคงในธุรกิจปูนซีเมนต์ ซึ่ง TPIPL ถือว่าเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของประเทศ ตลอดจนตำแหน่งผู้นำในตลาดพลาสติก Low-density Polyethylene (LDPE) และ Ethylene Vinyl Acetate (EVA) ที่มีกระแสเงินสดที่มั่นคง ประกอบกับได้รับประโยชน์จากการมีธุรกิจที่หลากหลาย
ขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้ามีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ และยังคงสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมกันนี้ คาดว่าจะประสบความสำเร็จในการแสวงหาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ ซึ่งจะเข้ามา ซึ่งมีส่วนช่วยชดเชยกระแสเงินสดที่ลดลงจากการหมดอายุของ Adder ได้
ทั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์จะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ ที่จะครบกำหนดชำระคืน จำนวน 3,580 ล้านบาท ในวันที่ 5 สิงหาคม 2564 และส่วนที่เหลือจะใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ จำนวน 420 ล้านบาท
สำหรับ TPIPL เป็นหนึ่งในผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ในประเทศไทย โดยผลการดำเนินงานปี 2563 มีรายได้รวม 36,186.66 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,839.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
