ดาวโจนส์ปิดลบ 104 จุด หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วง บอนด์ยีลด์พุ่ง

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดลบ 104 จุด นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ พุ่งแตะสูงสุดรอบ 14 เดือน ด้านราคาน้ำมันดิบลดลง ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 30 มีนาคม 2564 ปิดที่ 33,066.96 จุด ลดลง 104.41 จุด หรือ 0.31% จากเทขายกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2020

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,958.55 จุด ลดลง 12.54 จุด, -0.32%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,045.40 จุด ลดลง 14.25 จุด, -0.11%

หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.23% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 0.97% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ลดลง 0.66% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.44% หุ้นอินเทล ลดลง 1.13% หุ้น Nvidia ลดลง 0.59%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่ 1.77% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดรอบ 14 เดือน ก่อนที่อ่อนตัวลงมาที่ 1.72% เนื่องจากการฉีดวัคซีนและความคาดหวังการใช้จ่ายเพื่อลงทุนในโรงสร้างพื้นฐาน หนุนแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในวงกว้าง

นักลงทุนขานรับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมีนาคมของ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ Conference Board ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 109.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของโควิด-19 ในเดือนมีนาคม 2020 และสูงกว่า 96.8 ที่นักวิเคราะห์คาด

ส่งผลให้หุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 5.28% หุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์เพิ่มขึ้นกว่า 3% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 3.36% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 1.56

หุ้นคาร์นิวาลและหุ้นนอร์วีเจียนต่างเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3%

เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ เผยผลสำรวจ ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 11.2%จากช่วงเดียวกันในปีก่อนและเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 ปี

หุ้น ViacomCBSและหุ้น Discovery ฟื้นตัวจากที่ร่วงแรงในสัปดาห์ก่อนด้วยแรงบังคับขายของ Archegos Capital Management ที่ผิดนัดชำระหลักประกันเพิ่ม โดยเพิ่มขึ้น 3.6% และ 5% ตามลำดับ ท่ามกลางความ ผันผวนหลังจากเจอแรงขายหนัก

หุ้นเวลลส์ ฟาร์โกเพิ่มขึ้นกว่า 2% หลังประกาศว่าไม่ขาดทุนจากกรณี Archegos หุ้นแบงก์อื่นก็ฟื้นตัวเช่นกัน โดยหุ้นโกลด์แมนแซคส์ และหุ้นแบงก์ออฟอเมริกาต่างเพิ่มขึ้นกว่า 1%

นักลงทุนยังรอการเปิดเผยรายละเอียดแผนการใช้เงินในโครงสร้างพื้นฐานซึ่งอาจะมีวงเงินสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในวันที่ 31 มีนาคม ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Evercore ISI ระบุว่าจะเป็นแรงส่งสำคัญต่อตลาดหุ้นให้ปรับตัวขึ้น

รวมทั้งยังรอข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมีนาคมซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 630,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.0%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 3.1% นักลงทุนมองข้ามผลกระทบ จากการผิดนัดชำระหนี้ของกองทุนเฮดจ์ฟันด์แห่งหนึ่งในสหรัฐ และถูกบังคับขายหุ้นในมูลค่าราว 30 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มธนาคารทั่วโลกเมื่อวันจันทร์

ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ และหุ้นธนาคาร โดยหุ้นยูบีเอสเพิ่มขึ้น 1% และหุ้นดอยช์แบงก์เพิ่มขึ้น 1.5%

ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของยูโรโซนเดือนมีนาคมปรับตัวขึ้นดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้นมาที่ 101 จุดจาก 93.4 จุดในเดือนกุมภาพันธ์ และสูงกว่า 96 จุดที่นักวิเคราะห์คาด

ดัชนี Stoxx 600 ปิดที่ 430.65 จุด เพิ่มขึ้น 3.04 จุด, +0.71%

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,772.12 จุด เพิ่มขึ้น 35.95 จุด, +0.53%

ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 6,088.04 จุด เพิ่มขึ้น 72.53 จุด, +1.21%

ดัชนี DAX ปิดที่ 15,008.61 จุด เพิ่มขึ้น 190.89 จุด, +1.29%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 60.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 84 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 64.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
 
 
อ่านข่าว

ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้มีทั้งบวก-ลบ ดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนดีกว่าคาด