ดาวโจนส์ปิดบวก 98 จุด กลุ่มธนาคารร่วง เฮดจ์ฟันด์ถูกมาร์จิ้นคอลล์ 

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดบวก 98 จุด กลุ่มธนาคารร่วงจากเฮดจ์ฟันด์ ถูกเรียกมาร์จิ้นคอลล์  เตือนสัปดาห์นี้ตลาดจะผันผวนสถาบันจะปรับพอร์ตครั้งใหญ่ก่อนปิดงบไตรมาส ส่วนหนึ่งเกิดจากอัตราผลตอแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น ส่วนราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ วันที่ 29 มีนาคม 2564 ปิดที่ 33,171.37 จุด เพิ่มขึ้น 98.49 จุด หรือ 0.30% ที่นิวไฮ แม้กลุ่มธนาคารร่วงลงจากกรณีบริษัท Archegos Capital Management ซึ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์ ผิดนัดชำระการเพิ่มเงินประกัน (Margin Call)

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,971.09 จุด ลดลง 3.45 จุด, -0.09%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,059.65 จุด ลดลง 79.08 จุด, -0.60%

หุ้น ViacomCBS ลดลง 6.7% และหุ้น Discovery 1.6% ท่ามกลางความผันผวนหลังจากเจอแรงขายหนักในสัปดาห์ก่อน เพราะเชื่อว่าทั้งสองเป็นบริษัทที่ Archegos Capital Management ถูกบังคับขายจากการเรียกหลักประกันเพิ่ม

หุ้นเครดิต สวิสลดลง 11.5% หลังจากเตือนว่าธนาคารอาจจะประสบกับการขาดทุนจำนวนมากในไตรมาสแรก เป็นผลจากการที่ Archegos Capital Management ถูกบังคับขายหุ้น เพราะธนาคารได้ทำสัญญากับ Archegos Capital Management ไว้ หุ้นโนมูระลดลง 14% เพราะเตือนว่าบริษัทจะขาดทุนจำนวนมากเช่นกัน

ในวันศุกร์ที่ผ่านมามีรายงานว่า มอร์แกน สแตนเล่ย์ โกลด์แมนแซคส์ เครดิต สวิส และโนมูระพากันเทขายหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมกัน 6 แสนล้านบาท

หุ้นกลุ่มธนาคารลดลง โดยหุ้นมอร์แกน สแตนเล่ย์ลดลง 2.6% หุ้นเจพี มอร์แกนลดลง 1.6%

แม้ตลาดได้รับผลกระทบจากกรณีของ Archegos Capital Management แต่ Bespoke Investment Group ประเมินว่า จะเป็นสถานการณ์ชั่วคราว แม้จะมีกองทุนอื่นตกอยู่ภายใต้สถานการณ์นี้ด้วย แต่ไม่มีผลกระทบต่อระบบการเงินโดยรวมจากการผิดนัดชำระหลักประกัน

นักวิเคราะห์คาดว่า การซื้อขายในตลาดจะผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากกองทุนบำเหน็จบำนาญและนักลงทุนรายใหญ่จำนวนมากจะทำการปรับพอร์ตก่อนปิดงบการเงินประจำไตรมาส ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการปรับพอร์ตครั้งใหญ่ ส่วนหนึ่งจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้น

นักลงทุนรอการเปิดเผยรายละเอียดแผนการใช้เงินในโครงสร้างพื้นฐานประธานาธิบดีโจ ไบเดนในวันที่ 31 มีนาคม ซึ่งคาดว่าน่าจะมีวงเงิน 3 ล้านล้านดอลลาร์

ตลาดจะปิดทำการซื้อขายในวันที่ 1 เมษายน เนื่องในวันอีสเตอร์ แต่ตลาดรอข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมีนาคม ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 630,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.0%

หุ้นโบอิ้งเพิ่มขึ้น 2.31% จากรายงานข่าวว่าบรรลุข้อตกลงขายเครื่องบินรุ่น 737 MAX จำนวน 100 ลำให้กับสายการบินเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ และมีกำหนดส่งมอบ 30 ลำแรกในปี 2022

ธนาคารกลาง (เฟด) สาขาดัลลัส เผยผลสำรวจ ดัชนีภาคการผลิตรัฐเท็กซัสเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 28 จุด สู่ระดับ 48.0 สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเมื่อ 17 ปีก่อน และขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 จากที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเมษายนปีที่แล้ว

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้น 1.5% เแม้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกสาม แต่ส่วนหนึ่งคลายกังวลหลังจากเรือเอเวอร์กรีนที่เกยตื้นขวางทางเข้าออกในคลองสุเอซลอยลำได้แล้ว

แต่นักลงทุนส่วนหนึ่งยังกังวลต่อการระบาดของไวรัส นายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนีแนะรัฐบาลกลางให้ควบคุมบางรัฐ เพื่อสกัดการแพร่ระบาด ส่วนในฝรั่งเศสแพทย์ได้เตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นจะล้นโรงพยาบาล และในอังกฤษได้ผ่อนคลายล็อกดาวน์เพิ่มเติม อนุญาตให้รวมตัวได้ไม่เกิน 6 คน แต่ยังแนะนำให้ทำงานจากบ้านต่อเนื่อง

ดัชนี Stoxx 600 ปิดที่ 427.61 จุด เพิ่มขึ้น 0.68 จุด, +0.16%

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,736.17 จุด ลดลง 4.42 จุด, -0.07%

ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 6,015.51 จุด เพิ่มขึ้น 26.70 จุด, +0.45%

ดัชนี DAX ปิดที่ 14,817.72 จุด เพิ่มขึ้น 68.78 จุด, +0.47%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 61.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 41 เซนต์ ปิดที่ 64.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล