ดาวโจนส์ปิดร่วง 234 จุด ขายหุ้นกลุ่มแบงก์

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดร่วง 234 จุด ขายหุ้นกลุ่มแบงก์ นักลงทุนผิดหวังเฟดไม่ต่ออายุมาตรการผ่อนคลายด้านเงินทุนให้ธนาคารพาณิชย์ ดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มขึ้น ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ แรงขายหุ้นแบงก์นำ ราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวขึ้น 1.44 ดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 19 มีนาคม 2564 ปิดที่ 32,627.97 จุด ลดลง 234.33 จุด หรือ 0.7% หลังจากที่ธนาคารกลาง((Federal Reserve) ไม่ต่ออายุมาตรการผ่อนคลายด้านเงินทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นและมีการเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,913.10จุด ลดลง 2.36 จุด, -0.060%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,215.24จุด เพิ่มขึ้น 99.07 จุด, +0.76%

เฟดประกาศเมื่อวานนี้ว่า จะไม่ขยายมาตรการผ่อนคลายอัตราส่วนเงินทุนต่อหนี้สินให้กับธนาคารตามที่อนุญาตให้มีเงินทุนน้อยกว่าการถือครองพันธบัตรและสินทรัพย์อื่นได้เพื่อให้ตลาดพันธบัตรไม่ผันผวนและให้ธนาคารปล่อยกู้ในช่วงการระบาดของโควิด ซึ่งมาตรการนี้สิ้นสุดในสิ้นเดือนนี้

นักลงทุนมองว่า การไม่ขยายอายุมาตรการจะมีผลต่อตลาดหาก ธนาคารเทขายพันธบัตรที่ถือครองออกมา และจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มขึ้นอีก จากที่ผ่านมาก็ได้เพิ่มสูงขึ้นจนทำให้นักลงทุนวิตก

นักวิเคราะห์จาก Rockefeller Global Family Office ระบุว่า นักลงทุนผิดหวังที่เฟดไม่ต่ออายุมาตรการ เพราะคาดหวังไว้มากว่าจะต่ออายุให้ธนาคารใหญ่ เมื่อประเมินจากการที่ต้องซื้อพันธบัตรที่ออกมา

หุ้นเจพี มอร์แกนและหุ้นโกลด์แมน แซคส์ต่างลดลงกว่า 1% หุ้นเวลลส์ ฟาร์โกลดลง 2.9% หุ้นแบงก์ออฟอเมริกาลดลง 1%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นก่อนที่ปิดทรงตัวที่ 1.73% ซึ่งใกล้ระดับสูงสุด 1.742% ในรอบ14 เดือน และจากที่เริ่มต้นต่ำกว่า 1% ในช่วงต้นปี 2021

นักวิเคราะห์จาก Rockefeller Global Family Office ยังระบุว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มอย่างรวดเร็วและเร็วเกินกว่าที่จะวางใจ เพราะยิ่งปรับขึ้นสูง ก็จะยิ่งมีผลต่อมูลค่าหุ้นที่ปรับขึ้นไป โดยทำให้หุ้นที่เติบโตสูงมีความน่าสนใจน้อยลง

ในสัปดาห์นี้ดัชนี DJIA ลดลง 0.5% ดัชนี S&P500 ลดลง ดัชนี Nasdaq ลดลง 0.8% เช่นกัน

ด้านนักวิเคราะห์จาก Onada ระบุว่า ตลาดยังวิตกว่า แบงก์จะไม่ปล่อยกู้เพราะต้องสำรองเงินทุนเพิ่ม อีกทั้งใกล้ถึงเวลาเปิดประมูลพันธบัตรล็อตใหม่ หากแบงก์ไม่สนใจซื้อ การเทขายพันธบัตรอาจจะมีมากขึ้น

หุ้น FedEx เพิ่มขึ้น 6% จากกำไรสุทธิไตรมาสสามดีกว่าคาด

หุ้นไนกี้ ลดลงเกือบ 4% จากรายได้ไตรมาสสามน้อยกว่าคาด

หุ้นเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 4.1% หลังจากมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์กเปิดเผยว่า การปรับเปลี่ยนนโยบายความเป็นส่วนตัวในการขายโฆษณาของแอปเปิล จะทำให้โฆษณาของบริษัทฯมีสถานะที่แข็งแกร่ง

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มธนาคารที่ลดลง 2.3% หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มขึ้น ทำให้กังวลต่อมูลค่าหุ้น และจากการไม่ต่ออายุมาตรการผ่อนคลายด้านเงินทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ

นอกจากนี้ตลาดยุโรปยังรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียที่ลดลง หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศมาตรการเพิ่มเติม โดยขยายช่วงการเคลื่อนไหวของอตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี จากเป้าหมายเดิมเป็นระหว่าง บวกลบ 0.25%

ในอังกฤษดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคมที่สำรวจโดย GfK เพิ่มขึ้นมาที่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ -16จุด

ดัชนี Stoxx 600 ปิดที่ 423.5 จุด ลดลง 3.24 จุด, -0.76%

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,708.71 จุด ลดลง 70.97 จุด, -1.05%

ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,997.96 จุด ลดลง 64.83 จุด, -1.07%,

ดัชนี DAX ปิดที่ 14,621.00 จุด ลดลง 154.52 จุด, -1.05%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่ม 1.44 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 61.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมไม่เปลี่ยนแปลง ปิดที่ 64.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล