“เอเซีย พลัส” ชี้เป้า PTT-BBL-CPF หุ้น Laggard ฟื้นตัวแรง

HoonSamart.com>> บล.เอเซีย พลัส มองแนวโน้มหุ้นไทยขาขึ้น แรงหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว สภาพคล่องล้น กำไรบจ.ฟื้นคาดปีนี้โต 32% มองดัชนียังต่ำกว่าจุดสูงสุดก่อนเกิดโควิดเมื่อเทียบตลาดต่างประเทศพุ่งไปไกล ชี้เป้าหุ้นพื้นฐานดี องค์ประกอบครบ โอกาสขึ้นแรง PTT-BBL-CPF

บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ยังคงมุมมองตลาดหุ้นไทยอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น จากสภาพแวดล้อมต่างๆ ยังเอื้อ ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) และทางด้านสภาพคล่อง (Fund Flow) โดยมอง GDP มี Downside จำกัดมากขึ้น เห็นได้จากสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจต่างๆของโลกเดินหน้าปรับประมาณการ GDP โลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านดัชนีชี้นำเศรษฐกิจโลกและไทยตั้งแต่ต้นปีส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน

ขณะที่เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นหลายแห่งทั่วโลกขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปี อาทิ ตลาดหุ้นสหรัฐ (Down Jones), ตลาดหุ้นยุโรป (Stoxx600), ตลาดหุ้นไทย (SET) ฯลฯ

บล.เอเซีย พลัส มองตลาดหุ้นไทยยังมีแรงผลักดันให้เดินหน้าต่อจาก 3 องค์ประกอบหลัก คือ 1.ปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจน มาตรการกระตุ้นการเงินการคลังมีต่อเนื่อง,

2.Earning Growth ฝ่ายวิจัยคาดกำไรตลาดปีนี้ฟื้นเกิน 32% ซึ่งในอดีตมีเพียงไม่กี่ที่ฟื้นแรงขนาดนี้ โดยฝ่ายวิจัยประเมินกำไรปี 2564 อยู่ที่ 7.96 แสนล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 70.20 บาท/หุ้น มีโอกาสเติบโตถึง 32% จากปีก่อน อีกทั้งหากพิจารณาจากสถิติในอดีตย้อนหลัง (ปี 2550-ปัจจุบัน) พบว่า ปีไหนก็ตามที่ EPS Growth สูงเกิน 30% หุ้นจะขึ้นแรงเสมอ และมีโอกาสขึ้นเกิน 20%ต่อปี

3.Fund Flow เริ่มเห็นการไหลเข้าตลาดหุ้นไทยชัดเจนขึ้น ซึ่งในเดือน มี.ค. (mtd) ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยสูงสุดในภูมิภาค

นอกจากนี้มองตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจในเชิงเปรียบเทียบราคา คือ ดัชนี SET Index ณ ปัจจุบัน ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในช่วงก่อนเกิด COVID-19 อยู่มากถึง -15% ขณะที่ดัชนีอื่นๆ ขึ้นไปเหนือจุดสูงสุดก่อนเกิด COVID-19 ไปไกลมาก อาทิ ตลาดหุ้นอินเดีย 21.3%, ตลาดหุ้นสหรัฐ (Down Jones) +14%, ตลาดหุ้นจีน +7.4% จากจุดสูงสุดก่อนเกิด COVID-19 แสดงว่าตลาดหุ้นไทยยังมีช่องว่างให้ขยับขึ้นอีกมากเมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในช่วงก่อนเกิด COVID-19 กับดัชนีอื่นๆ

กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นพันธ์ดี ราคา Laggard พื้นฐาน แต่มี Beta สูง จึงมีโอกาสฟื้นตัวแรงในช่วงต่อจากนี้ อย่าง PTT ราคาเหมาะสม 48.50 บาท , BBL ราคาเหมาะสม 154 บาท และ CPF ราคาเป้าหมาย 42 บาท

หุ้น PTT มีอัพไซด์ 17% อีกทั้งราคาหุ้น Laggard กลุ่มและราคาน้ำมันดิบอยู่มาก ซึ่งจากเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัวหนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแตะ 70 เหรียญฯ เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น PTT ด้านผลดำเนินงานค่อยๆ ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจภาพใหญ่และคาดกำไรไตรมาส 1/64 แนวโน้มดีขึ้นจากไตรมาสก่อนจากทุกกลุ่มธุรกิจ ธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรคาดได้อานิสงส์จากค่าการกลั่นและสเปรดปิโตรเคมีที่จะเห็นการฟื้นตัว ส่วนธุรกิจก๊าซเติบโตตามเศรษฐกิจฟื้น

สำหรับ BBL ธนาคารมองสินเชื่อปีนี้ขยายตัว 3-4% จากปีก่อน ผลขาดทุนด้านเครดิตคาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) คาดลดลงมาที่ 2.2 หมื่นล้านบาทจาก 3.1 หมื่นล้านบาทในปีก่อน โดยมองเข้าสู่เส้นทางของการฟื้นตัวที่แท้จริง ด้าน NPL ธนาคารคาดสิ้นปีนี้อยู่ในกรอบไม่เกิน 4.5% จาก 3.9% ณ สิ้นปีก่อนและแนวโน้มกำไรปี 2564 ฟื้นตัวจากฐานต่ำปีก่อน ด้านราคาหุ้นยังคง Laggard SETBANK และหุ้นธนาคารอื่นๆ อยู่มากพอสมควร

ส่วนหุ้น CPF มองธุรกิจหลักยังดีต่อเนื่องในปีนี้จากธุรกิจสุกรในไทย จีนและเวียดนามดีต่อเนื่อง จากปัญหาสุกรขาดแคลน ธุรกิจกุ้งเติบโตต่อเนื่องและช่องางการขายสินค้าผ่าน LOTUS’s มากขึ้น จะช่วยหนุนให้แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 1/64 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนและงวดเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ยังมีสินค้าใหม่ เช่น Plant based meat ที่จะเริ่มเปิดตัวในไทยเดือนพ.ค.นี้และเตรียมส่งออกไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งศึกษาทำธุรกิจกัญชงครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ล้วนเป็นธุรกิตที่มีศักยภาพเติบโตสูง ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังน่าสนใจ พี/อีเพียง 9 เท่า ราคาต่อมูลค่าทางบัญชีเพียง 1.1 เท่า มีอัพไซด์สูงเกือบ 42%