ดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 300 จุด ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคืบหน้า

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 300 จุด แรงซื้อหุ้นกลุ่มได้รับอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้น หลังวุฒิสภาผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังถูกเทขายต่อเนื่อง ฉุดแนสแด็กร่วงกว่า 300 จุด ตลาดหุ้นยุโรปบวก ราคาน้ำมันดิบลดลงหลังพุ่งขึ้นแรง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 8 มีนาคม 2564 ปิดที่ 31,802.44 จุด เพิ่มขึ้น 306.14 จุด หรือ 0.97% นักลงทุนซื้อหุ้นกลุ่มที่จะได้รับผลดีจากเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังจากวุฒิสภาได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสุดสัปดาห์ และยังคงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ ที่ 3,821.35 จุด ลดลง 20.59 จุด หรือ -0.54%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,609.16 จุด ลดลง 310.99 จุด หรือ -2.41%

วุฒิสมาชิกได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งครอบคลุมการจ่ายเงินให้ประชาชนคนละ 1,400 ดอลลาร์ รวมทั้งขยายระยะเวลาการเยียวยาการว่างงาน และการช่วยเหลือหน่วยงานของรัฐ และวุฒิสภาจะส่งมาตรการนี้กลับไปให้สภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะผ่านมาตรการภายในสัปดาห์นี้ เพื่อส่งให้ประธานาธิบ ดีโจ ไบเดนลงนามก่อนการเยียวยาการว่างงานเดิมสิ้นสุดลงในวันที่ 14 มีนาคม

ขณะเดียวกันศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค(Centers for Disease Control and Prevention)ระบุว่า ประชาชนที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว สามารถออกจากบ้านได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก ทำให้เกิดความหวังต่อการเปิดเศรษฐกิจมากขึ้น

หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ เพิ่มขึ้นกว่า 6% จากรายงานว่า รัฐแคลิฟอร์เนียเตรียมการที่จะให้อนุญาตให้ดิสนีย์แลนด์ เปิดบริการอีกครั้งแบบจำกัดในเดือนเมษายน ด้านหุ้นกลุ่มสายการบินเพิ่มขึ้นโดยหุ้น อเมริกันแอร์ไลน์เพิ่มขึ้นราว5% และหุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์เพิ่มขึ้น7%

ข่าวดีนี้ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นจากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.08% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดีดขึ้น 1.33% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.83%

นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และอาจจะทำกำไรช่วงสั้นจากการปรับตัวขึ้นเพราะแรงหนุนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และกลุ่มเทคโนโลยีจะได้รับผลกระทบมากที่สุด

เมื่อวานนี้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงรับตัวลดลง จากความวิตกต่อผลกระทบทางต้นทุนจากอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นอัลฟาเบท ลดลง 4.27% หุ้นแอปเปิล ลดลง 4.17% หุ้นหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 4.47% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 3.39% หุ้นไมโครซอท์ ลดลง 1.82% หุ้นหุ้นแอมะซอน ลดลง 1.62%

นอกจากนี้ตลาดได้รับแรงหนุนจากความเห็นของนายเดวิด เทปเปอร์ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ที่ว่า การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรน่าจะหมดรอบแล้ว และไม่มีผลต่อตลาดหุ้นในช่วงนี้ เพราะเป็นการปรับขึ้นชั่วคราว แนวโน้มน่าจะทรงตัวอีกหลายเดือน ประกอบกับคาดว่านักลงทุนต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น น่าจะเข้ามาในตลาด

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเมื่อวานนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 4 จุดมาที่ 1.6% จากที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 1% ในต้นปี

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนำโดยกลุ่มธนาคารที่เพิ่มขึ้น 3.7% หลังวุฒิสภาสหรัฐฯได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้เกิดแรงซื้อในหุ้นที่จะได้รับผลบวกจากการหฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

หุ้น เอบีเอ็น แอมโร และหุ้น บังโก เดอ ซาบาเดลล์ ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 7% หุ้นดอยช์แบงก์และหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 4%

หุ้นกลุ่มเรือสำราญเพิ่มขึ้นโดยหุ้น คาร์นิวาลเพิ่มขึ้น 8%

ดัชนี Stoxx 600 ปิดที่ 417.25 จุด เพิ่มขึ้น 8.57 จุด, +2.10%

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,719.13 จุด เพิ่มขึ้น 88.61 จุด, +1.34%

ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,902.99 จุด เพิ่มขึ้น 120.34 จุด,+2.08%

ดัชนี DAX ปิดที่ 14,380.91 จุด เพิ่มขึ้น 460.22 จุด, +3.31%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายนลดลง 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 65.05ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 68.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
 
 
อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบลดลงหลังดีดขึ้นเหนือ 70 ดอลลาร์ฯ