PTG ลั่นปี 64 กำไรนิวไฮ ส่งบริษัทลูกยื่นไฟลิ่งปลายปีนี้

HoonSmart.com>>“พีทีจี เอ็นเนอยี” มั่นใจปีนี้ EBITDA โต 10-15% ตั้งงบลงทุน 4-4.5 พันล้านบาท ใช้ขยายทุกธุรกิจ ในไตรมาส 1 ปริมาณขายน้ำมันโต 8-12% เล็งนำบริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี ยื่นไฟลิ่งปลายปีนี้ ส่วนธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม ขยายสาขาเพิ่มทั้งใน-ต่างประเทศ เพิ่มมาร์จิ้น  รอสรุปพันธมิตรร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าขยะ 6 MW  ร่วมชิงโซลาร์ กองทัพบก  30 เมกะวัตต์  

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายในปี 2564 จะมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม (EBITDA) เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 6,315 ล้านบาท และเพิ่มปริมาณขายน้ำมัน  8-12% จากปีก่อนอยู่ที่ 4,959 ล้านลิตร รวมถึงคาดว่าปริมาณขายแก๊ส LNG เพิ่มขึ้น 15-20% ด้วยเช่นกัน

ขณะที่ในไตรมาส 1/64 ปริมาณการขายน้ำมันเติบโตประมาณ 8-12% จากปีที่แล้วที่มีปริมาณขายประมาณ 500 ล้านลิตร  ซึ่งมาจากการทำการตลาด ทำให้มีผู้รู้จักแบรนด์มากขึ้น และฐานลูกค้าของบัตร PT Max Card ที่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าในปีนี้จะมีฐานลูกค้าประมาณ 18 ล้านสมาชิก รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันกลับมาใกล้เคียงกับระดับปกติก่อนโควิด-19 แล้ว ส่วนค่าการตลาดในไตรมาส 1 และของปี 64 คาดอยู่ที่ประมาณ 1.8-1.9 บาทต่อลิตร

ส่วนธุรกิจแก๊ส LPG ที่ประกอบด้วยสถานีให้บริการแก๊ส LPG และแก๊ส LPG ครัวเรือน โดยในปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณขายประมาณ 97,000 ตัน มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยประมาณ 4-5 บาทกิโลกรัม จากปีก่อนที่มีปริมาณขายประมาณ 87,000 ตัน ตั้งเป้าหมายในปี 2567 จะมีปริมาณขายอยู่ที่ระดับ 184,000 ตัน และสัดส่วนของ 2 ธุรกิจทั้งสถานีเติม LPG และ LPG ภาคครัวเรือนจะอยู่ที่ 50% จากปัจจุบันสัดส่วนประมาณ 80% และ 20% ตามลำดับ

นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่นำบริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี ที่ประกอบธุรกิจแก๊ส LPG เข้าตลาดหลักทรัพย์ มีแผนจะยื่นไฟลิ่งในช่วงปลายปีนี้

ด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม สำหรับแบรนด์ร้านกาแฟพันธุ์ไทย บริษัทมีขยายสาขาต่อเนื่อง ตั้งเป้าไว้ในปี 2568 จะมีประมาณ 2,000 สาขา จากปัจจุบันมีประมาณ 274 สาขา และจะขยายเข้าสู่กล่มประเทศ CLMV ในปี 2566 รวมถึงประเทศอื่นด้วย ถ้ามีพันธมิตรที่ให้ความสนใจ

“บริษัทฯได้ตั้งเงินลงทุนปี 2564 ประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาท ใช้สำหรับขยายธุรกิจทั้งในธุรกิจหลัก และธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน รวมถึงธุรกิจใหม่  สำหรับการขยายสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG อยู่ที่ประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาท ลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน(ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ประมาณ 500 ล้านบาท และอีก 500 ล้านบาท ใช้สำหรับลงทุนในธุรกิจใหม่”

สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน บริษัทมีแผนจะเข้าลงทุนร่วมกับพันธมิตร ในโครงการโรงไฟฟ้าขยะ ขนาดกำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันรอผลสรุปการร่วมลงทุนกับพันธมิตรปลายปีนี้ ตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 18% และจะเข้าร่วมประมูลโซลาร์ ฟาร์ม ของกองทัพบก โดยเฟส 1 กำลังผลิตทั้งหมด 300 เมกะวัตต์ บริษัทจะร่วมประมูลประมาณ 30 เมกะวัตต์ เงินลงทุนประมาณ 600-700 ล้านบาท (ไม่รวมกับงบลงทุนของบริษัท) คาดรู้ผลชัดเจนในเดือน เม.ย.นี้

“เราตั้งเป้าหมายในปีนี้เยอะมาก เพื่อสะท้อนการเติบโตที่จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จากปีก่อนที่ทำนิวไฮ 1,906 ล้านบาท โดยในปีนี้จะเติบโตได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน ซึ่งมีกำไรขั้นต้นดีกว่าธุรกิจน้ำมันเยอะมาก ” นายพิทักษ์ กล่าว