ดาวโจนส์ปิดร่วง 345 จุด เฟดดันบอนด์ยีลด์ขึ้น ยื่นรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลบดาวโจนส์ปิดร่วง 345 จุด เฟดดันบอนด์ยีลด์ขึ้น ยื่นรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ลดลง ราคาน้ำมันดิบพุ่งกวา่ 4%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 4 มีนาคม 2564 ปิดที่ 30,924.14 จุด ร่วงลง 345.95 จุด หรือ 1.11% แต่ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงไปถึง 700 จุดระหว่างวัน หลังของการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลาง ไม่สามารถคลายความกังวลของนักลงทุนที่มีต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ได้

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,768.47 จุด ลดลง 51.25 จุด, -1.34%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,723.47 จุด ร่วงลง 274.28 จุด, -2.11%

หุ้น growth stock นำการลดลงของดัชนี Nasdaq จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น โดยหุ้นเทสลาลดลง 5% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงไปอยู่ในเขตปรับฐานระหว่างการซื้อขาย เพราะลดลงไปกว่า 10% จากระดับสูงสุด 52 สัปดาห์

หุ้นอินเทล ลดลง 2.92% หุ้นแอปเปิลลดลง 1.58% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 1.81%

นายพาวเวลล์กล่าวในการเสวนาของดิ วอลล์ สตรีต เจอร์นัลว่า การเปิดเศรษฐกิจอาจจะทำให้เกิดแรงกดดันต่อราคา และชี้แจงว่า เฟดจะใช้ความอดทนก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนนโบบาย แม้ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านตามคาด

นอกจากนี้เฟดยังรับรู้ถึงสถานการณ์ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ แต่เฟดจะประเมินภาพรวมก่อนที่จะพิจารณาดำเนินการใดๆ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 1.54% จากความเห็นของนายพาวเวลล์

นักลงทุนผิดหวังที่นายพาวเวลล์ไม่ได้ส่งสัญญานชัดเจนที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการซื้อสินทรัพย์ เพื่อกดการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร รวมทั้งยังคาดการณ์มากขึ้นด้วยว่า เฟดอาจจะใช้มาตรการ Operation Twist หรือ เหมือนที่เคยดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา

มาตรการ Operation Twist คือ การลดสัดส่วนการถือครองตราสารหนี้ระยะสั้นโดย เพิ่มสัดส่วนการถือครองตราสารหนี้ระยะยาวเพื่อยืดอายุการชำระหนี้ออกไป เพื่อกดดันให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาว อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น

นักวิเคราะห์ระบุว่า ความเห็นของนายพาวเวลล์เป็นปัจจัยลบ เพราะไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดหวัง และไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการของเฟดหากเห็นว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นมาที่ระดับสูงเกินไป

นายพาวเวลล์กล่าวอีกว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นไปเหนือระดับ 2% เป้าหมายของเฟด ติดต่อกัน 2 ไตรมาสหรือนานกว่านั้น จะไม่ทำให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ ของผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงชัดเจน

ราคาทองคำลดลงกว่า 1% มาที่ระดับต่ำสุดในรอบเดือบ 9 เดือน จากความเห็นของนายพาวเวลล์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นทำให้ทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงมีความน่าสนใจน้อยลง

อย่างไรก็ตามนักลงทุนนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด โดยกระทรวงแรงงานรายงาน การยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วมีจำนวน 745,000 ราย ต่ำกว่า 750,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนกระทรวงพาณิชย์รายงาน คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 2.6% สูงกว่า 2.1% ที่นักวิเคราะห์คาด

นอกจากนี้การพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของวุฒิสภาในขณะนี้ถือว่าเป็นปัจจัยบวก

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานลดลง 4.3% หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 3.3% หลังนักลงทุนหันไปซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นและคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้น ขณะที่รอการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ

ในอังกฤษหุ้นเหมืองแร่ลดลง โดยหุ้น Rio Tinto และหุ้น BHP Group ลดลง 7.7% และ 5.8% ตามลำดับ

ในเนเธอร์แลนด์ หุ้น ASML Holding NV ลดลง 6.1% แม้มีรายงานข่าวว่าขยายดีลขายเครื่องมือผลิตชิปให้ SMIC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของจีน

เคลาสส์ น็อต ผู้บริหารธนาคารกลางสหภาพยุโรปกล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนที่เพิ่มขึ้นอาจสะท้อนการเติบโตของเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อ

ไอเอชเอสมาร์กิตต์เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคก่อสร้างเดือนกุมภาพันธ์ในอังกฤษเพิ่มขึ้นมาที่ 53.3 จาก 49.2 เดือนมกราคม

ยอดค้าปลีกยูโรโซนเดือนมกราคมลดลง 5.9% จากเดือนก่อนและต่ำกว่าที่คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 1.1%

ดัชนี Stoxx 600 ปิดที่ 411.91 จุด ลดลง 1.51 จุด หรือ -0.37%

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,650.88 จุด ลดลง 24.59 จุด หรือ -0.37%

ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,830.65 จุด เพิ่มขึ้น 0.59 จุด หรือ +0.010%

ดัชนี DAX ปิดที่ 14,056.34 จุด ลดลง 23.69 จุด หรือ -0.17%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 2.55 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 63.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2020 ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 2.67 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 66.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2021

 
 
อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบพุ่ง 4% รับโอเปกพลัสคงกำลังผลิตถึงเม.ย.นี้