ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 600 จุด ขานรับวัคซีน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บวก ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 600 จุด ขานรับวัคซีน “จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน” มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 1 มีนาค 2564 ปิดที่ 31,535.51 จุด เพิ่มขึ้น 603.14 จุด หรือ 1.95% จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มที่จะได้รับผลดีจากการเปิดเศรษฐกิจ เนื่องจากการฉีดวัคซีน รวมทั้งการฟื้นตัวของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่

กลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงิน ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มวัฏจักรที่จะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว เพิ่มขึ้นกว่า 2.5% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นนำตลาดหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีเสถียรภาพมากขึ้น

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,901.82 จุด เพิ่มขึ้น 90.67 จุด หรือ +2.38%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,588.83 จุด เพิ่มขึ้น 396.48 จุด หรือ +3.01%

ในกลุ่มพลังงานหุ้นเชฟรอนเพิ่มขึ้น 2.05% หุ้นเอ็กซอนโมบอลเพิ่มขึ้น 3.73% ในกลุ่มธนาคาร หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 5.52% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 3.2% หุ้นมอร์แกน สแตนเล่ย์ เพิ่มขึ้น 3.98% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 3.11%

หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 5.39% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 3.46% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.96% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 2.83% หุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น 6.4%.

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงมาที่ 1.41% จากที่พุ่งไปที่ 1.6% ในสัปดาห์ก่อน ทำให้นักลงทุนคลายความวิตก

ตลาดได้รับแรงหนุนหลังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งใช้เพียงหนึ่งโดสก็มีประสิทธิภาพสูง กับคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป บริษัทฯคาดว่าจะเริ่มขนส่งได้ในลอตแรกจำนวน 4 ล้านโดส

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ดีดตัวขึ้น 0.54%

นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากการที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ความเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้ส่งให้วุฒิสภาพิจารณาแล้ว

นักวิเคราะห์จาก GLOBALT ระบุว่า แรงซื้อมีมากขึ้น จากนักลงทุนยังสนใจหุ้นกลุ่มวัฏจักรที่จะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว อีกทั้งการฉีดวัคซีนยังเสริมความเชื่อมั่นและข้อมูลเศรษฐกิจสะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่ง

สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) เผย ดัชนีภาคการผลิตเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 60.8 สูงสุดในรอบในรอบ 3 ปีนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2018 จาก 58.7 ในเดือนมกราคมและสูงกว่า 58.9 ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงพาณิชย์ รายงาน การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 1.7% สู่ระดับ 1.521 ล้านล้านดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่ที่เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2002 และสูงกว่า 0.8%ที่นัก วิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่เพิ่มขึ้น 3.2% หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอ่อนตัวลงและมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งจากข่าวดีเรื่องวัคซีนหลังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนกุมภาพันธ์ขั้นสุดท้ายที่จัดทำโดย ไอเอชเอสมาร์กิต IHS เพิ่มขึ้น 57.9 จาก 57.7 ที่ประเมินเบื้องต้น

ในอังกฤษหุ้นไอเอจี บริษัทแม่ของบริติชแอร์เวย์เพิ่มขึ้น 5% หุ้นคาร์นิวาลกรุ๊ปเพิ่มขึ้น 7% ส่วนหุ้นกลุ่มรับสร้างบ้าน ทั้ง Taylor Wimpey, Berkeley Group Holdings และ Persimmon ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 5% จากรายงานว่ารัฐมนตรีคลังจะออกมาตรการค้ำประกันสินเชื่อบ้านใหม่

ดัชนี Stoxx 600 ปิดที่ 412.44 จุด เพิ่มขึ้น 7.45 จุด หรือ +1.84%

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,588.53 จุด เพิ่มขึ้น 105.10 จุด หรือ +1.62%

ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,792.79 จุด เพิ่มขึ้น 89.57 จุด หรือ +1.57%

ดัชนี DAX ปิดที่ 14,012.82 จุด เพิ่มขึ้น 226.53 จุด หรือ +1.64%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายนลดลง 86 เซนต์ ปิดที่ 60.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 73 เซนต์ ปิดที่ 63.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล