STARK แผน 3 ปีกำลังผลิต 3 แสนตัน/ปี เป้ารายได้ปี 64 ทะยาน 2 หมื่นล.

HoonSmart.com>>STARK วางเป้า 3 ปี กำลังการผลิตแตะ 3 แสนตัน/ปี ตั้งเป้ารายได้ทะยานสู่ 2 หมื่นล้านบาท  โต 15-20% ลุยขยายตลาดต่างประเทศ รุกขายสินค้าไฮมาร์จิ้น 

นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมาย 3 ปีนี้ (2564- 2566) กำลังการผลิตรวมทั้งหมด 4 โรงงาน ที่ประเทศไทยและเวียดนาม แตะระดับ 300,000 ตันต่อปี และคาดว่าจะใช้กำลังการผลิตประมาณ 85% จากกำลังการผลิตทั้งหมด  ตามการพัฒนาของโครงสร้างพื้นฐานของ ไทย-เวียดนาม   รวมถึงตลาดต่างประเทศ ส่วนปัจจุบันมีกำลังการผลิตประมาณ 250,000 ตันต่อปี ใช้กำลังการผลิตรวมประมาณ 40%

ด้านหนี้สินของบริษัท ณ สิ้นไตรมาส 4/63 อยู่ที่ 11,204 ล้านบาท ดอกเบี้ยจ่ายปีละ 500 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Net Debt to EBITDA) ปีก่อนอยู่ที่ 3.51 เท่า โดยคาดว่าในปี 66 จะสามารถลดลงต่ำกว่า 2.5 เท่า

สำหรับปี 2564 คาดว่ามีรายได้ 19,000-20,000 ล้านบาท หรือเติบโต 15-20% โดยเน้นขายสินค้าที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง (High Margin) ในกลุ่มสายไฟแรงดันระดับกลางถึงระดับสูงพิเศษ รวมถึงบริษัทมีการควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการบริการจัดการภายในกลุ่ม ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้มีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มด้วย

ปัจจุบันมีงานที่อยู่ในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 8,424 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ และคาดว่าสิ้นปีจะยอดงานในมือจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 10,000 ล้านบาท จากการเข้าร่วมประมูลงานกับผู้รับเหมาที่เข้าร่วมประมูลตามโครงการภาครัฐต่างๆ

“งบลงทุนของ STARK ในปีนี้ ตั้งไว้ไม่มาก วางไว้ประมาณ 300-400 ล้านบาท โดยจะใช้เพื่อปรับปรุงและซ่อมบำรุงเครื่องจักร ซึ่งยังไม่มีแผนการลงทุนเพิ่ม โดยช่วงนี้เราจะใช้กำลังการผลิตที่เหลือของโรงงานที่เวียดนามให้เต็มประสิทธิภาพก่อน” นายประกรณ์ กล่าว

สำหรับโรงงานผลิตสายไฟฟ้าเวียดนาม เป็นส่วนหนึ่งของฐานการผลิตเพื่อส่งออกเนื่องจาก มีข้อได้เปรียบด้านภาษี โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จะเพิ่มขึ้น 10-12% จากเดิมประมาณ 8% คาดว่าจะส่งออกไปยัง 50 ประเทศ ทั่วโลก จากปัจจุบันที่มีการส่งออกประมาณ 40 ประเทศ

นายชนินทร์ เย็นสุดใจ  ประธานกรรมการ STARK กล่าวว่า บริษัทจะพิจารณาจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นภายในปี 2566 ซึ่งฐานธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เข้าสู่จุดสมดุล และสร้างการเติบโตได้ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง