HoonSmart.com>> “กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง” อวดงบปี 63 กำไรติดปีกแตะ 3,425 ล้านบาท ทะยาน 54.13% จากงวดปีก่อน แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ติดโผหุ้นกลุ่ม SETHD คำนวณดัชนี 1 ม.ค.-30 มิ.ย.64 สภาพคล่อง-ปันผลสูงสม่ำเสมอ บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.182 บาทต่อหุ้น ชู Dividend Yield สูงถึง 7.054% จ่ายเงิน 24 พ.ค. ด้าน “โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์” CEO ส่งซิกปี 64 โตต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ไม่น้อยกว่า 15-20%
น.ส.โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดปี 2563 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2563) โดยมีผลกำไรที่เป็นส่วนของบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 3,425.29 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2,222,29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,203 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54.13% ซึ่งเป็นกำไรสุทธิที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 10,974.54 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 7,195.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,779.28 ล้านบาท คิดเป็น 52.52 % หลักๆ เป็นรายได้ที่มาจากการขายจำนวน 1,495.88 ล้านบาท รายได้จากการขายไฟฟ้าและส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า จำนวน 4,093.36 ล้านบาท รายได้จากการรับเหมาก่อสร้างและการให้บริการจำนวน 2,146.63 ล้านบาท
ด้านคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล สำหรับงวดปี 2563 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.182 บาท รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 1,600 ล้านบาท โดยอัตราการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้คิดเป็น 183.84% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ หรือคิดเป็น Dividend Yield สูงถึง 7.054% ซึ่งนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ โดยได้กำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น ในวันที่ 7 พ.ค.2564 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 6 พ.ค.2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พ.ค.2564
อย่างไรก็ตามล่าสุด GUNKUL ถูกจัดอันดับให้อยู่ในหุ้น SETHD ซึ่งถือเป็นกลุ่มของหุ้นสภาพคล่องสูงที่มีการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง และเป็นหุ้นปันผลสูง (High Dividend) ที่จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ สำหรับการคำนวณดัชนีในช่วง 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2564
ปัจจุบันฐานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ถือว่ายังมีความแข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 46,032.16 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 39,041.54 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์หมุนเวียน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 มีจำนวน 11,782.49 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 7,285.16 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ที่ได้รับจากการขายโครงการในประเทศญี่ปุ่นทั้ง 2 โครงการในช่วงไตรมาส 4/2563
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อว่า สำหรับแผนธุรกิจปี 2564 บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า รับเหมาก่อสร้าง โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทั้งโซลาร์และพลังงานลมทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะที่เวียดนาม จากปัจจุบันลงทุนไปแล้ว 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 160 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วมากกว่า 600 เมกะวัตต์ ซึ่งยังไม่รวมโครงการโรงไฟฟ้าที่จะลงทุนเพิ่มในปี 2564 ขณะที่ธุรกิจงานรับเหมาและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) ยังมีงานประมูลใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 8,500 ล้านบาท โดยตั้งเป้ารับงาน EPC เพิ่ม 3,000-3,500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งปีนี้ตั้งเป้างาน EPC ในมือไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2564 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% ซึ่งเป็นการเติบโตในธุรกิจทุกด้านทั้งในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้ง และธุรกิจ EPC โดยปีนี้ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 เมกะวัตต์ ส่งผลทำให้ปี 2566 กำลังการผลิตจะเป็นไปตามเป้าหมาย 1,000 เมกะวัตต์ ภายใต้งบลงทุนรวมปี 2564-2566 ที่ 20,000 ล้านบาท หรือประมาณปีละ 5,000 – 7,000 ล้านบาท
“บริษัทเชื่อว่าปีนี้รายได้ และกำไรสุทธิ จะเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์ม ทั้งในและต่างประเทศ ที่ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว รวมถึงธุรกิจเทรดดิ้ง และธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ยังคงมีการเติบโต โดยบริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อสร้างฐานกำไรให้เติบโตอย่างมีศักยภาพในระยะยาว” น.ส.โศภชากล่าว