บลจ.ฟิลลิปมองธีม “เมกะเทรนด์” หนุน “หุ้นเทค-นวัตกรรม” โต 5-7 ปี

HoonSmart.com>> บลจ.ฟิลลิปมองธีมเมกะเทรนด์หนุน “หุ้นเทคฯ-นวัตกรรม” เติบโต 5-7 ปี เปิด 4 ปัจจัยหนุนราคาไปต่อ ชูกองทุน PWIN ทางเลือกจัดพอร์ตกระจายลงทุน มองหุ้นไทยอัพไซด์ 5-10% ไร้ปัจจัยหนุน คาดการณ์เศรษฐกิจฟื้นได้ยาก หวังวัคซีน เปิดประเทศ นักท่องเที่ยวเข้าไทย

ติยะชัย ชอง

นายติยะชัย ชอง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟิลลิป เปิดเผยว่า บริษัทฯ เชื่อว่าธีมการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ยังมีแนวโน้มเติบโต 5-7 ปีข้างหน้า เนื่องจากมองการเปลี่ยนแปลงพฤิตกรรมของผู้บริโภคจะเป็นแรงส่งต่อเนื่องจาก 4 ปัจจัยสนับสนุนจาก 1.Digitization การที่คนใช้ชีวิตออนไลน์มากขึ้นหนุนให้ธุรกิจมีศักยภาพ 2.The future of energy พลังงานทางเลือกในอนาคต ซึ่งรัฐบาลจีน อังกฤษ สหรัฐฯ มีนโยบายสนับสนุนชัดเจน 3.Aging population นวัตกรรมทางการแพทย์ และ 4.The rise of Asia การเติบโตของเอเชียที่คาดว่าจะฟื้นตัวเร็วนำตลาดโลก โดยสหรัฐฯ ถือเป็นผู้นำตลาดด้านนวัตกรรม รวมถึงจีนเช่นกันยังเป็นโรงงานของโลก ธุรกิจ EV มาแรง

สำหรับกองทุนเปิดฟิลลิปเวิลด์อินโนเวชั่น (PWIN) เน้นลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งปีที่ผ่านมาผลตอบแทนสูงถึง 94% เป็นกองทุนแรกของไทยและอาเซียนที่ลงทุนในกองทุนของ ARK Investment Management โดยมองแนวโน้มยังเติบโตได้แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมามาก แต่จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวจะเป็นแรงส่งให้หุ้นไปได้ต่อ แต่ต้องเฟ้นหาหุ้นหรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากเมกะเทรนด์ให้ถูกตัว และเชื่อว่ายังเป็นโอกาสลงทุนสำหรับนักลงทุนไทย ในขณะที่หุ้นไทยไม่มีหุ้นธุรกิจดังกล่าว

นายติยะชัย กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยถือว่าไม่ถูก สัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ(พี/อี) กว่า 30 เท่า เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคซึ่งราคาถูกและน่าสนใจกว่า ประกอบกับยังไม่เห็นปัจจัยบวกชัดเจน จะหวังฟันด์โฟลว์ไหลก็คาดการณ์ยาก จึงมองอัพไซด์หุ้นไทยปีนี้ประมาณ 5-10% จากดัชนีปัจจุบันแถว 1,500 จุด ซึ่งใกล้เคียงกับตลาดคาดการณ์ไว้ระดับ 1,600 จุด อีกทั้งเศรษฐกิจไทยซึ่งพึ่งพิงภาคการบริการและท่องเที่ยวค่อนข้างมาก จึงคาดการณ์ได้ยากว่าจะฟื้นตัวได้เมื่อไร ยังต้องรอดูวัคซีนที่จะนำมาฉีดให้ประชาชน รวมถึงการเปิดประเทศ การกลับมาเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยว

“สำหรับหุ้นที่น่าสนใจเป็นกลุ่มที่อิงกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก ได้แก่ กลุ่มไฟแนนซ์ หลายบริษัทมีความมั่นคง ธุรกิจที่มีมาร์จิ้นดี ซึ่งเท่าที่ดูหลายบริษัทมีมาร์จิ้นสูง 16-17% แต่ต้องระวังเรื่องการเพิ่มทุนซึ่งอาจทำให้หุ้นไดรูทได้ ส่วนธุรกิจพลังงาน ก๊าซ ก็น่าสนใจเช่นกัน แต่ต้องระมัดระวังเนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมากและปัจจุบันได้อานิสงส์จากหายุหิมะในรัฐเท็กซัส ทำให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากการหยุดผลิตชั่วคราว ซึ่งไม่ได้มาจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น แต่ระยะกลางเศรษฐกิจโลกฟื้นเป็นตัวหนุน ขณะที่ระยะยาวต้องระมัดระวังจากเทคโนโลยีใหม่ๆมาทดแทนน้ำมัน การมีพลังงานทางเลือก ส่วนปิโตรเคมีมีแนวโน้มเติบโตตามราคาตลาดโลก”นายติยะชัย กล่าว

ปัจจุบันบลจ.ฟิลลิป มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิประมาณ 3,300 ล้านบาท เติบโต 50% จากการออกกองทุนที่ต่างจากตลาด ซึ่งจะเน้นตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยปีที่ผ่านมาเน้นธีมลงทุนเมกะเทรนด์และยังต่อเนื่องในปีนี้ โดยมีแผนอออกกองทุนซึ่งเน้นลงทุนในพลังงานสะอาดพลังงานทางเลือกทั่วโลก