โบรกฯประเมิน สันเขื่อน “เซเปียน-เซน้ำน้อย” ทรุด กระทบ RATCH ในวงจำกัด แต่จะทำให้มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม และอาจมีค่าใช้จ่ายเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ให้ราคาเป้าหมาย 61 บาทต่อหุ้น
บล.เคที ซีมิโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กรณีเขื่อนดินย่อยโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย ซึ่งบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง (RATCH) ถือหุ้น 25% เกิดการทรุดตัวนั้น จะส่งผลเชิงลบทางจิตวิทยาต่อ RATCH ในฐานะหนึ่งในผู้ถือหุ้นโครงการ แม้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างการก่อสร้าง น่าจะอยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับเหมา
อย่างไรก็ตาม จากขนาดของโครงการ รวมทั้งส่วนสนับสนุนกำไรและมูลค่าหุ้นของโครงการดังกล่าวต่อ RATCH พบว่าอยู่ในวงจำกัด คิดเป็นประมาณ 1.4% ของกำลังผลิตรวมทั้งหมด และมีส่วนแบ่งกำไรราว 5-8% ของกำไรรวมของ RATCH ในปี 2019-20E และราว 7% ของราคาเป้าหมาย
ขณะที่แนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งหนุนจากโครงการในแผนงาน เป็นปัจจัยทางพื้นฐานหลักที่เราคงแนะนำ “Outperform” ราคาเป้าหมาย 61 บาทต่อหุ้น
ด้านบล.โกลเบล็ก ระบุว่า โรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย มีกำลังการผลิตที่เป็นของ RATCH ประมาณ 102.5 MW คิดเป็นเพียง 1.5% ของกำลังการผลิตรวม 6,624 MW ขณะที่โครงการจะ COD ในปี 2562 ทำให้ยังมีเวลาในการซ่อมแซม แต่คาดว่าค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและอาจมีค่าใช้จ่ายในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จะส่งผลให้ต้นทุนในการก่อสร้างเพิ่มขึ้นและกระทบต่อ IRR ของโครงการดังกล่าวให้ปรับตัวลง
ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้มุมมองเป็นลบ โดยผู้บริหารกล่าวว่าเหตุการณ์นี้ไม่กระทบกับเขื่อนหลักและไม่มีผลต่อกำหนดการเริ่มจ่ายไฟฟ้าในเดือน ก.พ.6252 แต่ก็อาจทำให้ประมาณการกระแสเงินสดที่คาดว่าจะเข้ามาในอนาคตลดลง ปัจจุบันหุ้น RATCH ไม่ได้อยู่ใน DBS Coverage
ส่วนใน IAA Consensus นักวิเคราะห์ประเมินว่าปีนี้กำไรสุทธิจะอ่อนลงเมื่อเทียบกับปี 60 แต่คาดว่าบริษัทจะยังจ่ายปันผลดี โดยให้ Yield ประมาณ 4.5% ในปีนี้
ณ เวลา 11.04 น. วันนี้ (25 ก.ค.) ราคาหุ้น RATCH อยู่ที่ 51 บาท ลบ 0.25 บาท หรือลดลง 0.49%