ดาวโจนส์ปิดบวก 64 จุด กลุ่มพลังงานเด้ง

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดบวก 64 จุด กลุ่มพลังงานเด้ง ขานรับราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานเหนือ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี คาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนฟื้นตัว ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ปิดที่ 31,522.75 จุด เพิ่มขึ้น 64.35 จุด หรือ 0.20% หลังจากที่แตะระดับนิวไฮ ด้วยการปรับตัวของกลุ่มวัฏจักรที่ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,932.59 จุด ลดลง 2.24 จุด หรือ -0.06%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,047.50 จุด ลดลง 47.97 จุด หรือ -0.34%

กลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงินซึ่งได้รับผลดีจากการเปิดเศรษฐกิจนำการปรับตัวขึ้น ขณะที่ประธานาธิบ ดีโจ ไบเดนกำลังกดดันให้สภาคองเกรสให้ความเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอล ลาร์ เพื่อที่จะได้แจกเงิน 1,400 ดอลลาร์แก่ชาวอเมริกัน และเพิ่มเงินชดเชยให้แก่คนที่ตกงาน

กลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 2.3% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นเหนือระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิลเพิ่มขึ้น 3.01% หุ้นเชฟรอนเพิ่มขึ้น 2.05% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 3.58%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 60.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากรายงานว่า บริษัทพลังงานหลายแห่งได้ระงับการผลิตที่โรงกลั่นน้ำมันในรัฐเท็กซัส เนื่องจากกำลังเผชิญกับสภาพอากาศเย็นจัด ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 92 เซนต์ หรือ 1.47% ปิดที่ 63.35ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบกว่า 1 ปี

แต่กลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลง เพราะเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น แม้อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 9 จุดมาที่ระดับเหนือ 1.30% เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบปี

หุ้นเวลส์ ฟาร์โก เพิ่มขึ้น 3.79% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 2.7% หุ้นเจพีมอร์แกน เชสเพิ่มขึ้น 2.41% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์เพิ่มขึ้น 1.93% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 1.81%

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงมากและการแจกจ่ายวัคซีนที่ขยายวงกว้างมากขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19รายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันเมื่อวันที่ 15 กุภาพันธ์ลดลงมาที่ระดับต่ำกว่า 88,000 รายและลดลงติดต่อกัน 35 วันแล้วนับตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนหลังจากที่แตะระดับสูงสุด 255,258 รายในวันที่ 11 มกราคม ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยในรอบ 7 วันลดลงมาที่ 2,481 รายติดต่อกัน 20 วัน

ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคระบาดเผย มีการกระจายวัคซีนได้ถึง 70.057 ล้านโดสแล้ว โดยที่สามารถฉีดวัคซีนได้ 52.9 ล้านโดสคิดเป็น 76% ของวัคซีนที่กระจายไป

นักลงทุนยังรอรายงานการประชุมเดือนมกราคมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่จะออกมาวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ย

เฟดสาขานิวยอร์ก รายงาน ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index)เดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 8.6 จุด แตะระดับ 12.1 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้วและเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ตามตลาดหุ้นโลกหลังความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแผ่วลง

GDP อย่างเป็นทางการยูโรโซนไตรมาสสุดท้ายปี 2020 ลดลงน้อยกว่าคาดโดยหดตัว 0.6% จากไตรมาสก่อนหน้า หลังตัวเลขบื้องต้นลดลง 0.7% การจ้างงานเพิ่มขึ้น 0.3% แม้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง

สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ZEW เผย ความเชื่อมั่นในเยอรมนีเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นมา 71.2 จุดจาก 61.8 ในเดือนก่อนหน้าและสูงกว่า 59.6 ที่นักวิเคราะห์คาด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 600 ปิดตลาดที่ระดับ 419.20 จุด ลดลง 0.27 จุด หรือ -0.06%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,748.86 จุด ลดลง 7.25 จุด หรือ -0.11%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,786.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.28 จุด หรือ +0.0048%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,064.60 จุด ลดลง 44.88 จุด หรือ -0.32%