BTSGIF ขาดทุน 2.17 พันลบ. Q3/63 พิษโควิดฉุดมูลค่าเงินลงทุนติดลบ

HoonSmart.com>> กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF พลิกขาดทุนไตรมาส 3/63 สิ้นสุด 31 ธ.ค. กว่า 2,176 ล้านบาท รับรู้รายการขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุน 2,965 ล้านบาท จากการลดลงของมูลค่าเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิ กระทบกองทุนขาดทุนสะสมพุ่งแตะ 5,540 ล้านบาท งดจ่ายปันผล เตรียมนำกระแสเงินสดจ่ายคืนเงินทุน 0.125 บาท/หน่วย

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2563/2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.63 พลิกขาดทุนสุทธิ 2,176.08 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.376 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,048.70 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.1812 บาท

ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2563/2564 ขาดทุนสุทธิ 599.25 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.1035 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 2,945.08 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.5089 บาท

นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการดำเนินงานปี 2563/2564 กองทุน BTSGIF มีรายได้รวม 806.3 ล้านบาท ลดลง 36.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 9.3% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของรายได้จากเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิจากการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพสายหลักตามสัญญาสัมปทานซึ่งอยู่ที่ 805.0 ล้านบาท ลดลง 36.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แต่เพิ่มขึ้น 9.3% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 บรรเทาลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ขณะที่รายได้จากการลงทุนสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2563/2564 เท่ากับ 789.4 ล้านบาท ลดลง 37.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจาก การลดลงของรายได้รวมข้างต้น แต่ในทางกลับกัน รายได้จากการลงทุนสุทธิก็เพิ่มขึ้น 10.0% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้รวมเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิเป็น 97.9% เทียบกับ 98.6% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 97.3% ในไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ กองทุน BTSGIF รับรู้ขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนในไตรมาส 3 ปี 2563/2564 จำนวน 2,965.5 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัย 2 ประการ ได้แก่

1) มูลค่าเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิตามมูลค่ายุติธรรมลดลงจำนวน 2,900.0 ล้านบาท (รายการที่ไม่ใช่เงินสด) จากผลกระทบของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของรถไฟฟ้าบีทีเอสในไตรมาส 4 ปี 2563/2564 และในปี 2564/2565 รวมถึงระยะเวลาคงเหลือของสิทธิในรายได้สุทธิตามสัญญาสัมปทานลดลง

2) การบันทึกเงินลงทุนในสถานีศึกษาวิทยา (S4) จำนวน 65.7 ล้านบาท โดยมูลค่าเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2563 อยู่ที่ 50,310.0 ล้านบาท จาก 53,210.0 ล้านบาท ณ วันที่ 30 ก.ย.2563

นายพรชลิต กล่าวว่า กองทุนบัวหลวง เชื่อว่า ในระยะยาวการจัดสรรเงินส่วนหนึ่งลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ โดยในส่วนของกองทุน BTSGIF นั้น หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนในวงกว้างแล้ว ก็จะส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า BTS ทยอยกลับมาอีกครั้ง และทำให้ผลการดำเนินงานฟื้นตัว

ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กองทุนมีรายได้และอายุกองทุนมากขึ้น คือ การลงทุนเพิ่มเติมในรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ที่เป็นสิทธิของกองทุนที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมได้ในอนาคตเมื่อมีจังหวะที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มศักยภาพของกองทุนให้ยั่งยืน ขณะที่ ราคาหน่วยลงทุนในปัจจุบันอยู่ต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิมาก ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน

อนึ่ง มูลค่าทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่กองทุนลงทุนในปัจจุบันจะลดลงตามอายุของสิทธิในรายได้สุทธิตามสัญญาสัมปทานที่จะหมดอายุในปี 2572

นายพรชลิต กล่าวว่า กองทุน BTSGIF เตรียมนำกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน รอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.- 31 ธ.ค.2563 (ไตรมาสที่ 3 ของการดำเนินงานปี 2563/2564) จ่ายให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปการคืนเงินทุน 0.125 บาทต่อหน่วย โดยการลดมูลค่าที่ตราไว้ จากหน่วยละ 9.817 บาท เหลือหน่วยละ 9.692 บาท ทำให้ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลและการคืนเงินทุนรวมแล้วทั้งสิ้น 5.450 บาท

การจ่ายคืนเงินทุนครั้งนี้ จะขึ้นเครื่องหมายไม่ได้รับสิทธิในการรับคืนเงินทุน (XN) วันที่ 24 ก.พ.2564 ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อกำหนดสิทธิในการรับคืนเงินทุนในวันที่ 1 มี.ค.2564 เพื่อจ่ายคืนเงินทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 15 ม.ค.2564