HoonSmart.com>>”ปตท.สผ.” ปรับเป้าปริมาณขายปี 64 แตะ 3.98 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ได้โครงการใหม่โอมาน แปลง 61 ผลิตก๊าซธรรมชาติ 1.5 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หนุนกระแสเงินสด 200-300 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี มองราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปี 50-55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล คาดลดต้นทุนต่อหน่วยเหลือ 28-29 ดอลลาร์สหรัฐ อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยฯ เพิ่มขึ้นเป็น 70% วางงบลงทุน 5 ปี (64-68) ที่ 2.36 หมื่นล้านดอลลาร์
น.ส.อรชร อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าปริมาณขายเฉลี่ยปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 398,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากเดิมที่ตั้งไว้ 375,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หลังจากรับรู้โครงการใหม่ในปีนี้ การลงทุนในแปลง 61 ประเทศโอมาน สัดส่วน 20% การผลิตก๊าซธรรมชาติรวมถึง 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (MMSCFD) คาดว่าจะช่วยให้บริษัทมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 200-300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยลงเหลือประมาณ 28-29 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 30.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% จากปีก่อนที่ 68%
ขณะที่ในไตรมาส 1/64 คาดว่าปริมาณขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 12% อยู่ที่ 365,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากทั้งปีก่อนอยู่ที่ 354,052 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวได้ดีขึ้นจากช่วงต้นปี ตามความต้องการที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจทั่วโลก
ส่วนงบลงทุน 5 ปี (2564-2568) บริษัทตั้งไว้ประมาณ 23,637 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มาจากกระแสเงินสดทั้งหมด ปัจจุบันมีประมาณ 3,804 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยลงทุนในโครงการเดิม ซึ่งในช่วงกลางปีนี้จะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ถ้าเงินลงทุนไม่พอตามแผน อาจจะมีการเสนอขายหุ้นกู้ และยังมีช่องทางในการระดมทุนเพิ่มอีก จากปัจจุบันที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับต่ำที่ 0.33 เท่า
นอกจากนี้ยังมีแผนในการมองหาแหล่งสำรวจ และขุดเจาะเพิ่มเติม ในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการที่เหมาะสมตามกลยุทธ์ที่ตั้งบนทำเลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง ปัจจุบันมีการศึกษาอยู่ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
น.ส.อรชร กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองในเมียนมาว่า ไม่ได้ส่งผลต่อโครงการของบริษัท ซึ่งคงดำเนินการตามแผนปกติ ปัจจุบันได้โครงการ Gas to Power รับอนุมัติจากรัฐบาลเมียนมาแล้ว อยู่ในขั้นตอนการรอทำสัญญาซื้อขายก๊าซ และสัญญาณซื้อขายไฟฟ้า
ด้านราคาก๊าซในไตรมาส 1/64 ปรับลดลงมา คาดอยู่ในกรอบ 6-8 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู จากปลายปีก่อนที่ปรับสูงขึ้นแตะ 13-14 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู เนื่องจากก๊าซขาดแคลนบางพื้นที่ และสภาพอากาศที่หนาว ทำให้ปีนี้คาดว่าราคาค่อนข้างผันผวน แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกจากความต้องการที่อาจจะเพิ่มขึ้นจากนโยบายพลังงานสะอาดของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสำรัฐ ทำให้โรงไฟฟ้าอาจจะใช้ก๊าซในการผลิตมากขึ้น