ต่างชาติบุกหุ้นไทย 4 พันลบ. แนะหุ้นวัฎจักร แบงก์-ปิโตร

HoonSmart.com>> ดัชนียืนเหนือ 1,500 จุดแข็งแกร่ง พุ่งแรง 19.82 จุด ต่างชาติซื้อไม่ยั้งกว่า 4,186 ล้านบาท แนะกลุ่มวัฎจักรไปต่อตามเศรษฐกิจโลกฟื้น นำเสนอแบงก์ พลังงาน โรงกลั่น ปิโตรฯ แนวโน้มทดสอบ 1,530 จุด ระวังแรงขายทำกำไร  บล.ทรีนีตี้เชียร์สินค้าโภคภัณฑ์ บล.โนมูระพัฒนสิน แนะ PTT,BAM,BBL 

วันที่ 8 ก.พ.2564 ตลาดหุ้นไทยพุ่งแรงตามภูมิภาค ดัชนีปิดที่ระดับ 1,516.43 จุด เพิ่มขึ้น 19.82 จุด หรือ +1.32% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 94,278.81 ล้านบาท ต่างชาติเก็บมากถึง 4,186.25 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อ 1,344  ล้านบาท ส่วนรายย่อยทำกำไร 5,041  ล้านบาท สถาบันไทยขาย 489.54 ล้านบาท

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดต่างประเทศ ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลตลาดหุ้นภูมิภาครวมถึงหุ้นไทยเพิ่มขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด ทะลุแนวต้าน 1,500 จุดอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้เริ่มมีสัญญาณเงินทุนไหลเข้ารอบใหม่ ในตลาดหุ้นไต้หวัน เกาหลีใต้ ซึ่งมีธุรกิจเทคโนโลยี รวมถึงตลาดหุ้นไทย

สำหรับหุ้นที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มแบงก์หลังประกาศผลกำไรแล้วมีแรงซื้อกลับ กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมีและโรงกลั่นได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นต่อเนื่องส่งผลบวดต่อดัชนีโดยรวม นอกจากนี้มีแรงเก็งกำไร ในหุ้นรายตัว เช่น ไฟแนนซ์และขนส่ง เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นวันที่ 9 ก.พ.มีโอกาสที่จะถูกเทขายทำกำไรหลังดัชนีขึ้นแรง ให้แนวรับ 1,498-1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530 จุด โดยกลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำ หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากธีมแบตเตอรี่ อีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์เติบโต ดอกเบี้ยต่ำและกลุ่มโรงพยาบาล

บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ตลาดรับความคาดหวังเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก  ทำให้กลุ่มที่มีน้ำหนักในการคำนวณดัชนี อย่างพลังงาน ปิโตรเคมีหนุนดัชนีขึ้นทะลุผ่านระดับ 1500 จุดได้ ล่าสุดระดับคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐฯทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2.21% บ่งชี้ถึงความคาดหวังของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ จ่อทะลุแนวต้านสำคัญที่ 60 เหรียญฯ/บาร์เรล มองเป็นปัจจัยหนุนกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ต่อไป ในเชิงกลยุทธ์ หาจังหวะที่ดัชนีอ่อนตัวระหว่างสัปดาห์เข้าเก็งกำไรในกลุ่ม Hard commodity เช่น น้ำมัน ปิโตรเคมี รวมถึงกลุ่ม Soft commodity เช่น สินค้าเกษตรต่างๆ มองตัวเด่นได้แก่ PTT, PTTEP, PTTGC, IVL, STA เป็นต้น

นอกจากนั้น ยังมองเป็นบวกต่อกลุ่มวัฎจักรที่ได้ประโยชน์จากปริมาณการค้าขายของโลกที่สูงขึ้นต่อไปเช่นกัน อาทิเช่น กลุ่มเดินเรือ (RCL, PSL) และโลจิสติกส์ (III, LEO, WICE)

ในทางกลับกัน ระดับเงินเฟ้อในไทยยังคงอยู่ต่ำอย่างมาก ล่าสุดยังคงหดตัวอยู่ที่ 0.3% เป็นตัวจำกัดการเพิ่มขึ้นที่สำคัญของกลุ่ม Domestic cyclical ต่อไป เช่น ค้าปลีก อสังหา ธนาคาร แต่ในทางกลับกัน จะเป็นปัจจัยสร้างแรงดึงดูดต่อกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรต่ำ (ไฟฟ้า/ การเงิน) และกลุ่มหุ้นปันผลสูง (TISCO, INTUCH, RATCH) ซึ่งยังคงเป็นธีมการลงทุนแนะนำต่อไป

บล.โนมูระ พัฒนสินแนะตลาดเอเชียคาดจะเริ่มเห็นหุ้นในกลุ่มการเงินรวมถึงแบงก์(จาก US Bond Yield ดีดตัว) กลายเป็นเป้าหมายของนักลงทุน และจะเริ่มปรับตัวดีกว่าตลาดได้ในช่วงถัดไป

กลยุทธ์แนะนำหุ้นบริษัทปตท.(PTT) ราคาเป้าหมาย 47.50 บาท คาดกำไรปกติไตรมาสที่ 4/2563 ฟื้นตัวกว่า 24% เป็น  18,895 ล้านบาท คาดวันที่ 18 ก.พ.นี้ เปิดกำไรสุทธิ  17,065 ล้านบาท ลดลง 2%จากช่วงเดียวกันปีก่อนแต่เพิ่มขึ้นถึง 21% จากไตรมาสที่ 3

นอกจากนี้แนะนำซื้อหุ้นธนาคารกรุงเทพ(BBL) ราคาเป้าหมาย 147 บาท แม้มีความกังวลต่อค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่คาดอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องก็ตาม  และแนะนำซื้อ BAM  ราคาเป้าหมาย 27.5 บาท มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่องบไตรมาสที่ 4 ที่ 807 ล้านบาท แม้ลดลง 32%จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ดีขึ้นมากถึง 170%  จากไตรมาสที่ 3 ดีกว่าเดิมที่คาดไว้ที่  350  ล้านบาท