บล.ดีบีเอสฯ เปิดโผ 14 หุ้นได้ประโยชน์กัญชง

HoonSmart.com>> บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประเมิน 3 กลุ่มผู้ประกอบการได้ประโยชน์จากกัญชง เปิดโผ 14 หุ้นได้อานิสงส์ ด้าน อย.คาดเริ่มเห็นสินค้าสู่ตลาดไม่เกินครึ่งแรกปี 64 นี้ ประเดิม “เครื่องสำอาง-สมุนไพร”

บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) คาดหลักทรัพย์ที่จะได้รับประโยชน์จากกัญชง คือ 1) ผู้ประกอบการที่มีความพร้อมด้านขั้นตอนการสกัด 3 บริษัทคือ RBF, DOD และ IP

2) ผู้ประกอบการเครื่องสำอางและสมุนไพร ที่จะเกิดขึ้นก่อน เช่น BEAUTY, KAMART, DDD และ RS เป็นต้น

3) ผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่มจะเกิดขึ้นช้ากว่า เช่น CBG, OSP, ICHI, SAPPE RS, GLOCON, JKN, NRF เป็นต้น

ทั้งนี้ ช่วงแรกอย.อนุญาตในส่วนของเมล็ดกัญชงก่อน อย.ให้วันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมาเปิดให้บุคลต่างๆเข้าถึงกัญชา โดยมาขอใบอนุญาตได้ ซึ่งในช่วงแรกจะเป็นส่วนของการอนุญาตให้นำเมล็ดกัญชงมาสกัดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ส่วนช่อดอกจะใช้เวลาอีกสักพักในการอนุญาต

สำหรับกัญชงมีสารที่สำคัญ 2 ตัว คือ CBD ซึ่งมีประโยชน์นำไปใช้เป็นส่วนผสมสินค้าต่างๆ แต่สาร THC มีฤทธิ์ทางประสาท โดย CBD ที่น้อยกว่าระดับ 0.2% จะไม่นับเป็นสารเสพติด สามารถแบ่งกระบวนการผลิตได้ 3 ขั้นตอน คือ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ สำหรับต้นน้ำคือ การปลูกต้นกัญชง ใช้เวลา 3-4 เดือน จำกัดเฉพาะปลูกในประเทศเป็นพืชเศรษฐกิจ กลางน้ำคือ การสกัดเมล็ดกัญชง และปลายน้ำคืออุตสาหกรรมที่จะนำสาร CBD ไปใช

วิธีสกัดเมล็ดกัญชง สำหรับการสกัด แบ่งได้เป็น 2 แบบ 1) นำเมล็ดกัญชงไปสกัด แบบหีบ ซึ่งทำได้ไม่ยาก และเกิดได้เร็ว และ 2) นำเมล็ดกัญชงไปสกัดแบบใช้เครื่องซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีต่างประเทศ ซึ่งจะได้คุณภาพสาร CBD ที่มีเปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์แตกต่างกัน

สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน คือ อยู่ในช่วงการเริ่มต้นมาขอใบอนุญาตในขั้นตอนต่างๆ แต่ไทยต้องรอระยะเวลาการปลูกรอบนี้ก่อน อย.จึงคาดว่าจะเริ่มเห็นสินค้าครั้งแรกได้ไม่เกินครึ่งปีแรกของปี 64 นี้ ตัวแรกที่อนุญาตคือ เครื่องสำอาง และสมุนไพรไทย ส่วนอาหารคาดว่าจะอนุญาตได้ภายใน เม.ย.64 นี้ ซึ่งอาหารจะครอบคลุมทั้งเครื่องดื่ม อาหารเสริม ขนม เช่นคุ๊กกี้ บราวนี่ เป็นต้น

นอกจากนี้อย.จะมีการเปิดเผยข้อมูลบุคคลที่ได้รับอนุญาต ว่าใครได้รับใบอนุญาตส่วนไหน จึงคาดว่าจะมีการเก็งกำไร บจ.ที่ได้รับใบอนุญาตที่ อย.จะทยอยประกาศนับจากนี้ไป อย่างต่อเนื่อง