สะพัด “เถ้าแก่น้อย” ปิดดีลยกขายหุ้นบริษัทขนมดังสหรัฐ 14 บาท/หุ้น

HoonSmart.com>>สะพัด !!!  “เถ้าแก่น้อย” ปิดดีลยกขายหุ้นให้บริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐ ชื่อ ย่อ  “M” ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว-ของว่าง แบรนด์ชั้นนำของโลก หุ้นละ 14 บาท พร้อมถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ เม.ย.นี้

แหล่งข่าวจากตลาดทุน เปิดเผยว่า นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ หรือ “ต๊อบ” ผู้ถือหุ้นใหญ่และเจ้าของ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ได้ปิดดีลยกขายหุ้น TKN ในส่วนของนายต๊อบ พี่น้อง ถืออยู่ทั้งหมด ยกขายให้กับบริษัทดังของสหรัฐ ชื่อย่อ “M”   ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายขนมคบเคี้ยวและของว่าง แบรนด์ชั้นนำของโลก มีโรงงานผลิตหลายแห่งในเอเซีย

ข่าวลือสะพัด ยังระบุราคาเสนอขาย ปิดดีลกันที่ 14 บาท  หลังจากมีข่าวเจรจากันมาตั้งแต่ปลายปี 2563 เตรียมประกาศข่าวนี้ รายกลางเดือนก.พ. นี้ ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมสามัญประจำปีปลายเดือนก.พ.นี้ ให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติ จากนั้น 45 วัน จะประกาศรับซื้อหุ้นจากนักลงทุนทั่วไป (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) และถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ ในเดือนเม.ย.2564

” บริษัทนี้ เป็นเจ้าของลูกอม หมากฝรั่ง แคร็กเกอร์ชื่อดัง ที่คนไทยนิยม มีบริษัทแม่อยู่สหรัฐ ลือกันว่า จะทำรายการซื้อขายกันที่สิงคโปร์ ซื้อขายเฉพาะหุ้นที่นายต๊อบ พี่ น้อง ถืออยู่ ณ วันที่ 22 ม.ค. 2564 รวมแล้วประมาณ 31.87% ( นายต๊อบ 22.98% , ณัชชัชพงศ์ 4.35% และ อรพัทธ์ 4.54% ) ราคาขายหุ้นละ 14 บาท มูลค่ากว่า 6,160 ล้านบาท  แต่คงเหลือส่วนที่ “พีระเดชาพันธ์ โฮลดิ้งถืออยู่ 26.09% ไว้ เพื่อบริหารงานต่อให้กับ M ” แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ตกเป็นข่าวถูกเทกโอเวอร์บ่อยครั้ง ล่าสุด เมื่อเดือนต.ค.2563 ที่ผ่านมา หุ้น TKN ปรับตัวขึ้นร้อนแรง ท่ามกลากระแสข่าวถูก บริษัทลูกของ Pepsi ซื้อกิจการ บริษัทปฎิเสธข่าว แต่ยอมรับว่า กำลังเจรจาหาพันธมิตร ผู้แทนจำหน่ายในต่างประเทศ เพราะ”อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ “หรือ ต๊อบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ประกาศนโยบายชัดเจนที่จะยกระดับแบรนด์ ให้เป็น แบรนด์มีชื่อเสียงระดับโลก (Global Brand) หมายถึงการมียอดขายถึง 1 หมื่นล้านบาท ในปี 2567

จากการส่งออกไปต่างประเทศเพิ่มเป็น 100 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีความเป็นไปได้ หลังจากบริษัทบรรลุเป้าหมายการ เป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์สาหร่ายแปรรูปอันดับ 1 ในเอเชีย ยอดขาย 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2561 และยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดอันดับหนึ่งในประเทศ ส่วนแบ่งการครองตลาดสูงสุด 62%

บริษัท เถ้าแก่น้อยฯ เติบโตก้าวกระโดด นับตั้งแต่นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2558 โดยบล.เอเซียพลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เสนอขาย IPO จำนวน 360 ล้านหุ้น ราคา 4 บาท/หุ้น จากพาร์ 0.25 บาท ได้เงินประมาณ 1,440 บาท เพื่อนำไปสร้างโรงงานใหม่ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ 19 ไร่ 3 เฟส กำลังการผลิตรวม 3,600 ตัน/ปี มูลค่า 580 ล้านบาท

จากที่มีโรงงานลาดหลุมแก้ว 12 ไร่ กำลังการผลิต 3,900 ตันต่อปี และชำระหนี้เงินกู้เพื่อลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน( D/E) จาก 2.62 เท่า เหลือ 1.3 เท่า ส่งผลให้รายได้และกำไรเติบโตหลายร้อยเปอร์เซนต์ เพราะนอกจากกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นแล้ว กลยุทธ์ การเพิ่มผลิตภัณฑ์ และขายสินค้าในต่างประเทศ เพิ่มอัตรากำไรสุทธิได้สูงกว่าการขายในประเทศ

ขณะที่”กลุ่มพีระเดชาพันธ์ ” ลดสัดส่วนการถือหุ้นจาก 100% เหลือ 73.91% โดยนาย อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ น.ส.อรพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ และนาย ณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์ มีการซื้อขายหุ้นทั้งบิกล็อต และทำรายการในตลาดหลักทรัพย์หลายรายการ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 -22 ม.ค. ได้ขายหุ้นจำนวน 138 ล้านบาท ปัจจุบันกลุ่มนี้ยังคงถือหุ้นใหญ่ ประมาณ 57.82% โดยมีบริษัท พีระเดชาพันธ์ โฮลดิ้งถืออันหนึ่งจำนวน 360 ล้านหุ้นหรือ26.09%

” การตีมูลค่าการถือหุ้นของกลุ่มนี้ ประมาณ 9,098 ล้านบาท ไม่รวมกำไรที่เกิดขึ้นจากการซื้อและขายหุ้นระหว่างทาง ซึ่งเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง เช่น ในช่วงโควิด-19 ระบาดรอบแรก นายอิทธิพัทธ์ ได้เข้าไปซื้อหุ้นเมื่อเดือนก.พ. 2563 ในราคา 8.55 บาท และล่าสุดได้ขายออกราคาสูงสุดถึง 12 บาท ”