ก.ล.ต.ปรับ “พงษ์ศักดิ์” ซีอีโอ SVI พร้อมพวกเป็นเงินกว่า 38 ล้าน อินไซด์ซื้อหุ้น

HoonSmart.com>> ก.ล.ต.ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่ง “พงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SVI พร้อม “นนทิยา พลวัฒน์” ร่วมกันซื้อหุ้น SVI ใช้ข้อมูลภายในก่อนแจ้งตลาดหลักทรัพย์ สั่งปรับ “พงษ์ศักดิ์” เป็นเงิน 37.64 ล้านบาท ส่วน “นนทิยา” ปรับ 6.91 แสนบาท พร้อมห้ามบุคคลทั้ง 2 รายเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร 8-12 เดือน

พงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงเดือนมิ.ย.2561 นายพงษ์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการบริษัท และกรรมการผู้จัดการบริษัท เอสวีไอ (SVI) รู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ของ SVI ที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวนมากอย่างมีนัยสำคัญ และนายพงษ์ศักดิ์ได้ร่วมกับนาส.นนทิยา พลวัฒน์ ซื้อหุ้น SVI โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท Eagle Mount Asia Equities Limited จำนวนรวม 23,951,000 หุ้น ระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.-17 ก.ค.2561 ก่อนมีการเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2561 เวลา 19.27 น.

การกระทำของนายพงษ์ศักดิ์เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ 5 พ.ศ. 2559 มาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 243(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และการกระทำของนางสาวนนทิยาเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 242(1) แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายพงษ์ศักดิ์ โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด คิดเป็นเงินรวม 37,638,583 บาท และนางสาวนนทิยา โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด คิดเป็นเงินรวม 691,671 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามผู้กระทำความผิดทั้ง 2 รายเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ โดยในส่วนของนายพงษ์ศักดิ์ เป็นเวลา 12 เดือน และนางสาวนนทิยา เป็นเวลา 8 เดือน

การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้นจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดทั้ง 2 รายไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าที่ ค.ม.พ. กำหนดจนถึงอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ

ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด เป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง