ดาวโจนส์ดิ่ง 620 จุด วิตกวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

HoonSmart.com>ดาวโจนส์ปิดทรุดกว่า 2% วิตกวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมีประสิทธิภาพลดลงเหลือ 66% และหุ้น GameStop ยังคงพุ่งขึ้นแรง ทำตลาดผันผวน ส่งสัญญาณการเกิดภาวะฟองสบู่  หุ้นยุโรปร่วงตาม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) วันที่ 29 มกราคม 2564 ปิดที่ 29,982.62 จุด ร่วงลง 620.74 จุด หรือ 2.03% นักลงทุนวิตกประสิทธิภาพวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และกังวลต่อความผันผวนของตลาดจากการซื้อขายแบบเก็งกำไรของรายย่อยที่ยังเพิ่มขึ้น

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,714.24 จุด ร่วงลง 73.14 จุด หรือ -1.93%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,070.69 จุด ร่วงลง 266.46 จุด หรือ -2.00%

ในสัปดาห์นี้ ดัชนี DJIA ลดลง 3.28%, ดัชนี S&P500 ลดลง 3.31% และดัชนี Nasdaq ลดลง 3.49%

หุ้นจอห์นสันแอนด์จอห์นสันลดลง 3.67% ฉุดทั้งดัชนี DJIA และดัชนี S&P500 หลังจากบริษัทเผยว่าวัคซีนหนึ่งโดสมีประสิทธิภาพ 72% ในการป้องกันไวรัสโควิด -19 ในสหรัฐฯ แต่ลดลงมาที่ 66% เมื่อใช้ในที่อื่นของโลก ซึ่งต่ำกว่าวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาที่มีประสิทธิภาพราว 95% เมื่อฉีดครบ 2 โดส

หุ้น GameStop ยังเพิ่มขึ้น 67.9% หลังจาก Robinhood จะเปิดให้ซื้อหุ้นแบบจำกัด หลังจากที่วันก่อนหน้าได้ประกาศกำหนดค่ามาร์จิ้นสูงขึ้น

นักลงทุนวิตกว่าหากหุ้น GameStop ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและราคาผันผวนจะส่งผลต่อตลาดเงิน และทำให้เฮดจ์ฟันด์ กับโบรกเกอร์ เช่น Robinhood ประสบกับการขาดทุนมหาศาล

กลุ่มนักลงทุนใน WallStreetBets ซึ่งเป็นบอร์ดย่อยใน Reddit ซึ่งเป็นเว็บบอร์ดที่นักลงทุนรายย่อยเข้าสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลการซื้อขายหุ้นในตลาด ได้มีเป้าหมายที่จะผลักดันราคาหุ้น GameStop ให้สูงขึ้นอีก เพื่อกดดันให้เฮดจ์ฟันด์ต้องกลับเข้าซื้อคืนหุ้นทั้ง GameStop และAMC Entertainment

ในเดือนนี้ หุ้น GameStop ปรับขึ้นแล้วกว่า 1,600% ส่วนหุ้น AMC Entertainment ปรับขึ้นกว่า 500%

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลกันว่า การซื้อขายหุ้น GameStop เป็นการส่งสัญญาณการเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาด ซึ่งหากฟองสบู่แตก ก็จะเกิดความปั่นป่วน และกระทบนักลงทุนรายย่อยอย่างหนัก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เปิดเผยว่า จะจับตากับการซื้อขายหุ้นของโบรกเกอร์และเทรดเดอร์ในโซเชียล มีเดียอย่างใกล้ชิด

บิล กรอส เจ้าพ่อหุ้นกู้ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับการซื้อขายแบบเก็งกำไรว่า เริ่มเห็นสัญญาณวิกฤติเกิดขึ้น และทางการต้องออกมาเตือนรวมทั้งสื่อกระแสหลักควรเตือนตลาดโดยรวมและนักลงทุนรายบุคคล

ตลาดยังกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัส หลังจากมีผู้ติดเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์ในสายพันธ์ุอัฟริกาเป็นรายแรก ซึ่งร่างกายต่อต้านวัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

กระทรวงแรงงานเผยดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (ECI) เพิ่มขึ้น 0.7% ในไตรมาส 4 จากไตรมาสก่อนหน้า ที่เพิ่มขึ้น 0.5% และสูงกว่า 0.5% ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงพาณิชย์เผย การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคเดือนธันวาคมลดลง 0.2% เป็นการลงเป็นเดือนที่ 2 ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3%

ผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมกราคมของมหาวิทยาลัยมิชิแกนลดลงสู่ระดับ 79.0 จากระดับ 80.7 ในเดือนธันวาคม และ ต่ำกว่า 79.2 ที่นักวิเคราะห์คาด

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales)เดือนธันวาคม ลดลง 0.3% จากเดือนก่อน

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มค้าปลีกที่ลดลง 2.6% ท่ามกลางความกังวลต่อความผันผวนของตลาดสหรัฐที่เกิดจากการเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งความกังวลต่อการจัดหาวัคซีน หลังจากคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปควบคุมการส่งออกวัคซีนที่ผลิตในอียูชั่วคราว

สำนักงานยายุโรปได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนของแอสตราเซเนก้าแบบฉุกเฉินในสหภาพยุโรป

เศรษฐกิจฝรั่งเศสไตรมาส 4 หดตัวน้อยกว่าคาดที่ -1.4% เทียบกับ -4% ที่นักวิเคราะห์คาด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 395.85 จุด ลดลง 7.54 จุด, -1.87%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,407.46 จุด ลดลง 118.69 จุด, -1.82%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,399.21 จุด ลดลง 111.31 จุด, -2.02%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,432.87 จุด ลดลง 233.06 จุด, -1.71%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 14 เซนต์ ปิดที่ 52.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 35 เซนต์ปิดที่ 55.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล