TPIPP ชนะประมูลโรงไฟฟ้าขยะ อบจ.สงขลา งบลงทุน 2 พันลบ.

HoonSmart.com>> “ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์” ประเดิมต้นปีชนะประมูลโรงไฟฟ้าขยะ อบจ.สงขลา สัญญาซื้อขายไฟ 20 ปี คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาทแย้มเตรียมประมูลโรงไฟฟ้าโคราชและโรงไฟฟ้าขยะอื่นๆ 11 โครงการ รวม 135 เมกกะวัตต์

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ รับผิดชอบสายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจาก อบจ.สงขลา ว่า ชนะการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะสงขลาฯ กับทาง อบจ. เพื่อทำโรงไฟฟ้า พร้อมกับโรงกำจัดขยะที่ ตำบลเกาะแต้ว อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา

“อบจ. ได้ระบุเหตุผลว่าให้คะแนนกับ ประสบการณ์ เทคโนโลยี ฐานะการเงิน และชื่อเสียงสูง รวมไปถึงการประกวดราคาค่ากำจัด ซึ่งทางบริษัทฯ มีคะแนนดีเยี่ยมในทุกหัวข้อ ส่งผลให้บริษัทฯ ได้คะแนนสูงที่สุดในหมู่ผู้เข้าร่วมประมูล และชนะการประมูลไปในที่สุด” นายภัคพล กล่าว

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าขยะสงขลานี้จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปี หลังจากเริ่มผลิต ราคาขายไฟฟ้าอยู่ที่ 5.78 บาทสำหรับ 8 ปีแรก และ 5.08 บาทสำหรับ 12 ปีหลัง ตามประกาศของกระทรวงพลังงานเนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้า VSPP (Very small power plant) นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังได้รับค่ากำจัดขยะอีก 400 บาทต่อตัน ซึ่งทางเทศบาลได้ระบุว่าต้องส่งมอบขยะ 400-700 ตันต่อวัน โดยการประมูลเป็นแบบ BOO (build-operate-own) หลังจากครบสัญญา 20 ปี ทางคู่สัญญาสามารถต่อสัญญาได้อีก 5 ปีไปเรื่อยๆ ซึ่งราคาขายไฟฟ้าและค่ากำจัดต้องไปเจรจากันใหม่ในตอนนั้น โดยบริษัทฯ ประเมินว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาทสำหรับโครงการนี้

“ขั้นตอนต่อจากนี้คือการ ทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม Code of Practice หรือ COP ควบคู่ไปกับการเจรจาสัญญาสัมปทานบ่อขยะ หลังจากทั้งสองเรื่องเรียบร้อยก็จะเป็นการเจราจาขอเซ็นสัญญา Power Purchase Agreement หรือ PPA กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. ต่อไป นอกจากโรงไฟฟ้าขยะที่สงขลาแล้ว บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างเตรียมตัวเข้าร่วมประมูลอีก 11 โครงการ รวม 135 เมกกะวัตต์ ซึ่ง TOR ของแต่ละโครงการจะทยอยออกมาในปีนี้และปีหน้า ปัจจุบันทางบริษัทฯ ได้ยื่นเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าขยะชุมชนใน จังหวัดนครราชสีมาแล้ว คาดว่าจะประกาศผลภายในเดือนกุมภาพันธ์” นายภัคพล กล่าว

สำหรับความคืบหน้าของโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ Strategic Environmental Assessment (SEA) ตามหลักการของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อันเป็นกระบวนการที่เป็นระบบเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในการกำหนดนโยบายแผนหรือแผนงาน โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและการบูรณาการด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล ซึ่งนำไปใช้ในการวางแผนเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน

โครงการดังกล่าวมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้รับมอบอำนาจทำการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานเจ้าของแผนงานทำ SEA มีมติเห็นชอบกับโครงการของ TPIPP และครม.มีมติรับทราบ ซึ่งถือว่าเป็นมติครม.เห็นชอบกับโครงการตามแผน/แผนงาน/นโยบายสามเหลี่ยมมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนของกพต.

นอกจากนี้กพต. ได้มีมติให้เร่งรัดให้กรมโยธาธิการให้ทำการเปลี่ยนพื้นที่สีเขียวเป็นสีม่วง กระทรวงพลังงาน กกพ. และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจให้จัดการทำ PPA ให้เสร็จ ภายในเดือนมี.ค.2564 และครม.มีมติรับทราบ เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2564 ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของบริษัทฯ ที่ต้องทำ EIA/EHIA

“บริษัทฯ ยืนยันว่าจะจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) และรายงานการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีการลัดขั้นตอนใด ๆ ทั้งสิ้น ขณะนี้บริษัทอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาคุยกัน อย่าปล่อยข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อที่จะหยุดความไม่สงบทางภาคใต้ พัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ ผลักดัน GDP ของประเทศให้เติบโตขึ้น และเป้าหมายสูงที่สุดคือการสร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติ”นายภัคพล กล่าว